สธ.14มี.ค..- อนุทิน เตรียมเสนอปิด ผับ บาร์ สถานบันเทิง หลังพบผู้ติดโควิด-19 กลุ่มใหญ่ พร้อมยืนยันไทย ยังไม่เข้าเฟส-3
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อสรุปมาตรการรองรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 นานกว่า 4 ชั่วโมง เพื่อเตรียมไปนำเสนอในการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันจันทร์นี้(16 มี.ค.) เวลา 9.30 น.
ประเด็นหลักๆในการหารือวันนี้ คือ การจะขอประกาศเขตโรคติดต่อร้ายแรงเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ที่ประกาศไปแล้ว คือ 1. สาธารณรัฐเกาหลี 2. สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง 3. สาธารณรัฐอิตาลี และ 4. สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ส่วนจะเป็นประเทศไหนบ้างจะต้องรอความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่จะสรุปกันในวันจันทร์นี้
และอีกส่วนที่จะนำเสนอ คือ การขอความร่วมมืองดกิจกรรมต่างๆที่จะเป็นการรวมตัวกันของผู้คนจำนวนมากที่ชัดเจนแล้วก็คือจะขอให้งดกิจกรรมสงกรานต์ทั่วประเทศ ขอให้งดการจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆไม่ว่าจะเป็นกีฬา การแสดงดนตรี รวมทั้งการชุมนุมหรือการเรียกร้องใดๆที่จะเป็นการรวบรวมผู้คนจำนวนมาก และที่สำคัญจากกรณีที่มีกลุ่มคนจำนวนมากติดเชื้อโควิด-19 จากการไปรวมกลุ่มสังสรรค์กันใช้สิ่งของร่วมกัน โดยจะนำเสนอขอให้มีมติปิดบริการสถานบันเทิงผับ บาร์ ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายแต่ทั้งนี้ระยะเวลาจะยาวนานขนาดไหน หรืออาจจะเป็นจำกัดช่วงเวลาการเปิดให้บริการ จะต้องรอมติจากคณะกรรมการที่จะประชุมกันในวันจันทร์นี้เช่นเดียวกัน
“ช่วงนี้การสังสรรค์เฮฮาก็ขอให้หยุดไปก่อนแล้วขอให้อยู่กับบ้านอยากให้ดูประเทศจีนเป็นตัวอย่างเมื่อมีการเข้มงวดและจำกัดวงทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลงอย่างรวดเร็วที่สำคัญจะต้องได้รับความร่วมมืออย่างดีจากภาคประชาชน แต่กลับกรณีล่าสุดที่ไปใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อทำการสังสรรค์แล้วก็ยังไปใช้สิ่งของร่วมกันทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไปไล่หาผู้ที่ใกล้ชิดเป็น 100 รายไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะต้องเกิดขึ้นจึงจะต้องมีการใช้มาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น” นายอนุทิน กล่าว
สำหรับมาตรการที่เตรียมนำเสนอในที่ประชุมแม้จะดูเป็นมาตรการที่เข้มข้นแต่ที่ต้องทำเพราะไม่อยากให้เป็นเหมือนในยุโรปที่การระบาดกระจายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดในไทย ยังไม่รุนแรงจนกระทั่งประกาศเข้าสู่เฟสที่สาม แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธโอกาสที่จะเกิดขึ้น แต่จะพยายามทำทุกวิถีทางให้การเข้าสู่เฟสที่สามเป็นไปอย่างช้าและยืดเวลาออกให้นานที่สุด
นอกจากนี้จะขอความร่วมมือให้ประชาชนคนไทยงดการเดินทางออกนอกประเทศรวมทั้งงดการท่องเที่ยวเพื่อลดโอกาสที่จะติดเชื้อโรคหรือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงอาจจะกระจายเชื้อโรคไปติดยังพื้นที่อื่นๆด้วย
“มาตรการนี้ตนเองไม่สนว่าจะสวนทางกับที่มีบางหน่วยงานรณรงค์ให้หน่วยงานต่างๆออกไปสัมมนาในต่างจังหวัดเพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพราะนี่คือกระทรวงสาธารณสุขที่จะให้ความสำคัญกับสุขภาพมากที่สุดอะไรที่ขาดทุนเงินทองที่เสียไปไม่ตายก็หาใหม่ได้แต่ถ้าเสียชีวิตไปก็คงจะหมดโอกาสแก้ตัว” นายอนุทินกล่าวทิ้งท้าย.-สำนักข่าวไทย
