ภูมิภาค/กทม. 11 มี.ค. – ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน ต้องปิดร้านทำความสะอาดฆ่าเชื้อ หลังเจ้าของร้านยอมรับว่าป่วยโควิด-19 ส่วนปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เงียบเหงา ไร้นักท่องเที่ยว รายได้หดตัวลงอย่างมาก ด้าน จ.บุรีรัมย์ เจ้าของโรงแรมหั่นค่าบริการเกินครึ่ง ดึงนักท่องเที่ยวกู้วิกฤติ
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ซีอาร์ซีทาวเวอร์ ออลซีซั่นส์เพลส แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน โดยพบว่ามีการปิดร้านทำความสะอาดอย่างเร่งด่วน หลังเจ้าของร้านเปิดเผยว่าติดเชื้อโควิด-19 ผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนแจ้งให้พนักงานทราบและปิดร้านทันที พร้อมกับแจ้งให้เจ้าของอาคารทราบเรื่องแล้ว
ส่วนร้านค้าอื่นๆ ภายในอาคารยังเปิดให้บริการตามปกติ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประจำตึกแจ้งว่าร้านได้แจ้งปิดให้บริการโดยไม่มีกำหนด ส่วนมาตรการป้องกันโควิด-19 ได้มีการพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งตัวตึกและภายในร้านอาหารอื่นๆ ทุกวัน รวมถึงจัดให้มีจุดบริการแอลกอฮอล์และตรวจวัดอุณหภูมิ
สำนักข่าวไทยตรวจสอบข้อมูลจากเฟซบุ๊กเจ้าของร้าน พบว่าได้เดินทางจากสิงคโปร์มาลงที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ หรือเป็นเวลาประมาณ 1 เดือนเศษ จากนั้นได้มีการกักตัวเองเพื่อดูอาการ 14 วันจนแน่ใจ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 มีนาคม ได้เริ่มมีอาการป่วย ต่อมาวันที่ 9 มีนาคม ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน จึงพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ในวันถัดมา เจ้าของร้านจึงมั่นใจว่าน่าจะติดเชื้อในกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านได้ส่งพนักงานทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้ว แต่ทั้งหมดยังไม่มีอาการ และแพทย์ได้กักตัวดูอาการที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดยทางร้านได้ขอโทษลูกค้า รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง และหวังว่าจะไม่มีใครติดเชื้อเพิ่มเติม
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธกระแสข่าวว่าจะมีการปิดตึกออลซีซั่นว่าไม่เป็นความจริง โดยพนักงานและร้านค้าต่างๆ ยังเปิดให้บริการ ส่วนร้านอาหารญี่ปุ่นที่เป็นข่าวได้ปิดร้านเพื่อทำความสะอาดแล้ว
นอกจากนี้โควิด-19 ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ ล่าสุดบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ยกเลิกการทำงานล่วงเวลา ลดค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือกับสภาวะทางเศรษฐกิจ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป นอกจากนี้บริษัทได้ออกหนังสือชี้แจงเพิ่มเติมว่านโยบายดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง และการบริหารประเทศใดๆ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของพนักงานและการใช้จ่ายเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญต่อสุขภาพป้องกันโควิด-19 ของพนักงาน จึงออกมาตรการควบคุมและจำกัดการเข้า-ออกของพนักงาน
ส่วนสถานการณ์ในต่างจังหวัด พบว่าที่ปางช้างแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไร้นักท่องเที่ยว และรายได้หดตัวลงอย่างมาก ทำให้ปางช้างต้องเปิดร้านอาหารสวัสดิการ ทำอาหารเลี้ยงพนักงานและควาญช้างรวม 400 คน ให้รับประทาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะที่นักท่องเที่ยวเหลือไม่ถึงวันละ 100 คน จึงจำเป็นต้องประคองสถานการณ์และไม่ทอดทิ้งพนักงาน
ที่บุรีรัมย์ พบว่าธุรกิจโรงแรมเงียบเหงาที่สุดในรอบหลายปี หลังเกิดโควิด-19 ระบาดมานานกว่า 1 เดือน โดยโรงแรมขนาดใหญ่ของจังหวัด มีห้องพักให้บริการกว่า 400 ห้อง แต่กลับพบลูกค้ามาใช้บริการเพียงวันละ 10-20 ห้องเท่านั้น จึงต้องปรับค่าห้องพักและอาหารลงกว่าร้อยละ 60 จากห้องละ 1,200 บาท เหลือเพียง 500 บาท อย่างไรก็ตาม โรงแรมยังไม่มีนโยบายปรับลดพนักงาน แต่ลดชั่วโมงทำงานลงวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อประคับประคองสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย