สำนักงาน กกต. 5 มี.ค.- กกต.ดำเนินคดีอาญา “วิโรจน์ วัฒนากลาง” ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 นครราชสีมา พรรคประชาชาติ เหตุขาดคุณสมบัติ สังกัดพรรคมากกว่า 1 พรรค และสังกัดพรรคไม่ถึง 90 วัน
เวปไซด์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.กรณีมีเหตุอันควรสงสัย หรือความปรากฏต่อ กกต.ว่า นายวิโรจน์ วัฒนากลาง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 นครราชสีมา พรรคประชาชาติ ผู้ถูกกล่าวหาได้มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 คือผู้ถูกกล่าวหารู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวัน 24 มีนาคม 2562
โดย กกต.พิจารณารายงานไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ผู้ถูกกล่าวหาได้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 6 นครราชสีมา โดยไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เพียงพรรคการเมืองเดียว เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 41 (3) ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของสมาชิกพรรคการเมืองแล้วพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคเพื่อไทย และเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 2 พฤษจิกายน 2561 และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 ผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคพลังปวงชนไทยและเป็นสมาชิกพรรคพลังปวงชนไทยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2561 และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561
นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคเสรีรวมไทย และเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 และผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคประชาชาติ และเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงได้มีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคประชาชาติทราบ และลบชื่อผู้ถูกกล่าวหาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่าหนึ่งพรรค อันเป็นลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 9 (5) เป็นเหตุให้ต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพทุกพรรคการเมืองที่ซ้ำซ้อนกันตามมาตรา 27 (2)
ซึ่งจากการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคำว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเสรีรวมไทยก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ แต่จากการตรวจสอบสำเนาหนังสือลาออกทุกฉบับระบุวันที่ไว้ไม่ตรงกันกับสำเนาหนังสือลาออกที่มาจากพรรคต่าง ๆ
พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหารู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายวิโรจน์.-สำนักข่าวไทย