กรุงเทพฯ 29 ก.พ.- คดีอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายผู้พิพากษา ศาลอาญากรุงเทพใต้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ รอง ผบ.ตร.เรียกประชุมชุดสืบสวนกองปราบปราม เร่งรวบรวมหลักฐาน ซึ่งขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปแล้ว 70%
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เน้นย้ำชุดทำงานให้เร่งพิสูจน์ทราบพยานแวดล้อม และยืนยันตัวบุคคลในภาพวงจรปิด ตลอดจนให้ชุดสอบสวนทำสำนวนให้รัดกุม ในส่วนของการคลี่คลายคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ขณะนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้สอบปากคำพยานในคดีการอุ้มฆ่าไปแล้ว 40 ปาก เหลืออีก 20 ปาก เพื่อที่จะรวบรวมสำนวนส่งฟ้องได้ โดยจากนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการประสานเพื่อขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อตรวจสอบหาเงินจำนวน 2 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินค่าจ้างในการก่อเหตุ หลังจากหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับว่า พ.ต.ท.บรรยิน ได้ให้เงินจำนวน 2 แสนบาท กับ ส.จ.อ๊อด ก่อนที่จะแบ่งให้นายประชาวิทย์ และนายชาติชาย คนละ 50,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของชิ้นส่วนกระดูกบริเวณกะโหลกศีรษะที่พบในพื้นที่รกร้าง จ.นครสวรรค์ และคราบเลือดบนรถโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ที่ใช้เป็นเป็นพาหนะในการก่อเหตุ มีผลอย่างไม่เป็นทางการออกมาแล้วว่า เป็นของนายวีรชัย แต่ผลการตรวจอย่างเป็นทางการจะออกมาภายในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม หากผลตรวจออกมาอย่างเป็นทางการจะนำมารวบรวมเพื่อประกอบนำสำนวน หากเป็นไปตามนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะแจ้งข้อหากล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย เพิ่มอีก 4 ข้อหา ประกอบไปด้วย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเสี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ซ่อนเร้นอำพรางศพ และเรียกค่าไถ่ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทย กรณีอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เรียกสำนวนคดีโอนหุ้นมูลค่า 300 ล้านบาทของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง กลับไปพร้อมเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาใหม่ เพื่อป้องกันข้อครหาที่อาจจะตามมาหลัง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวก ถูกจับกุมในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีนี้ แต่ยืนยันว่าในวันที่ 20 มีนาคม 2563 ยังคงเป็นวันนัดฟังคำพิพากษาเช่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ศาลจะอ่านคำพิพากษาในวันดังกล่าวเลยหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ไม่สามารถก้าวล่วงได้.-สำนักข่าวไทย