ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ ฉุนไม่ได้รับเวลาอภิปรายเพิ่ม

รัฐสภา 27 ก.พ.- สภาฯ ป่วน ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ ฉุนไม่ได้รับเวลาอภิปรายเพิ่ม ฝ่ายรัฐบาลชิงขอมติปิดอภิปราย นายกฯ สัญญากับประชาชนจะทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาเกิดความวุ่นวายขึ้นเนื่องจากไม่สามารถตกลงเรื่องกรอบเวลากันได้ ฝ่ายรัฐบาลโดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธายวิปรัฐบาล ยืนกรานต้องให้จบ 19.00 น. ตามที่ตกลงกันไว้ ขณะที่ฝ่ายค้านโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ตัวแทนจากวิปฝ่ายค้าน ยืนยันว่ามีเวลาถึง 23.59 น. เพราะยังมีรัฐมนตรีอีก 2 คน คือพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ยังไม่ได้อภิปราย ทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งพักการประชุมเพื่อตกลงกัน แต่เมื่อเปิดประชุมอีกครั้ง ก็ยังตกลงกันไม่ได้ และไม่ขยายเวลาให้ฝ่ายค้านอภิปราย ฝ่ายค้านไม่พอใจวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม ทันที 


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อภิปราย โดยย้ำว่ารัฐบาลมีมาตรการเตรียมการรองรับทั้งเรื่องภัยแล้ง ไวรัสโคโรนา และเรื่องการลงทุนต่างๆ ซึ่งเริ่มชัดเจนเมื่อมีงบประมาณปี 2563 ออกมาแล้ว จึงขอชี้แจงเพิ่มเติมเพียงเท่านี้และขอบคุณประชาชน สมาชิกผู้ทรงเกียรติ รวมถึงคนไทยทุกคนที่ร่วมกันรับฟังอภิปรายตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา ถือว่าทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ควรร่วมกันรับรู้ข้อเท็จจริง เข้าใจการปฏิบัติงานของรัฐบาล และสภาฯ ที่เลือกตั้งเข้ามา จึงขอขอบคุณประธานรัฐสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน ที่ให้โอกาสฝ่ายรัฐบาลได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องรับฟังข้อมูลของแต่ละฝ่าย และสุดท้ายแล้วแต่ว่าจะเชื่อมั่นในทางใด ด้วยหลักฐาน กระบวนการ วิธีการต่างๆ นั้น

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า มีความเห็นว่าเราจะต้องปฏิรูปไปด้วยกันในทุกมิติ ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ดังนั้นการอภิปรายในสภาฯ ครั้งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะการรักษากติกา การรักษากฎเกณฑ์ระหว่างกัน บางครั้งอาจจะมีถ้อยคำต่างๆ ที่มีความรุนแรงกันบ้าง แต่ก็ต้องขออภัยประชาชนด้วย ในฐานะที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ร่วมกับรัฐบาลทุกคน ซึ่งทุกคนมีส่วนร่วมในการอภิปรายในครั้งนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หลายเรื่องต้องใช้เวลาชี้แจงนานพอสมควร แต่ล้วนเป็นสาระและประโยชน์ซึ่งอธิบายทุกอย่าง ไม่ว่าจะขั้นตอน กระบวนการ และการออกกฎหมายทั้งหมด ซึ่งการทำงานของรัฐบาลวันนี้ ได้เปิดมิติใหม่และร่วมมือกันสร้างความเข้าใจในระบบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายให้ตรงกัน ไม่เช่นนั้น สิ่งที่ต้องการจะแก้ไขเกิดขึ้นไม่ได้ การปฏิรูปจะไม่เกิดขึ้น ขณะนี้มีปัญหาหลายเรื่องหลายประการทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาความยากจน การสร้างเศรษฐกิจใหม่ การลงทุนเพื่ออนาคตลูกหลาน หากไม่เข้าใจกัน ก็จะทำอะไรไม่ได้เลยได้ ทุกอย่างก็กลับไปที่เดิม


นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนเองใช้อำนาจตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินทุกประการ และขอขอบคุณอีกครั้ง ยืนยันกับประชาชนว่าจะทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด หากมีสิ่งใดที่จะทำได้เพิ่มเติมจาก จากคำแนะนำของบรรดาสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชนที่เลือกเข้ามา โดยตนเองจะทำงานโดยไม่เลือกพื้นที่ ไม่เลือกภาค ให้ทั่วถึงทุกภาค ทุกกลุ่ม ทุกจังหวัด ทุกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ตามความเร่งด่วน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 5 ปี 7 เดือน จะต้องทำให้ต่อเนื่อง โดยรัฐบาลต้องระมัดระวังเรื่องกฎหมาย ความถูกต้อง ความชอบธรรม และความเท่าเทียมอย่างแท้จริง คำนึงถึงคนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เพราะไม่ใช่ศัตรูกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เรายังมีปัญหาอีกมาก ปัญหาเก่า ปัญหาใหม่ ปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอก คนไทยยุคใหม่ต้องยอมรับว่ามีความคิด กระตือรือร้นในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นหน้าที่พวกเราทุกคนในการช่วยกันสร้างความเข้าใจให้บุคคลเหล่านั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ศัตรูกัน ทุกคนล้วนเป็นลูกหลานเราทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใครก็ตาม วันนี้จะต้องนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุขร่มเย็น ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่าตนเองเข้ามาด้วยวิธีการใด และขอให้คำนึงถึงรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้นปัญหาก็เกิดขึ้นอีก และความสงบสุขจะมากขึ้นจะเป็นเช่น 5 ปี 7 เดือนที่ผ่านมาหรือไม่ ก็ฝากไว้ในมือทุกคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำนึงถึงรายได้ของประเทศ ไม่ได้ต้องการรีดภาษีจากคนจน แต่ต้องการจัดรูปแบบอย่างเป็นธรรมมากขึ้น และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ผ่านแรงเสียดทานในระยะเวลา 5 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเผชิญปัญหาหลายประการด้วยกัน และคิดว่าพวกเราทุกคนที่ร่วมมือกันในวันนี้ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ก็คงจะช่วยการทำความเข้าใจ การเมืองก็คือการเมือง การบริหารแผ่นดินก็คือการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งหมดเกี่ยวข้องหมด รวมถึงกระบวนการยุติธรรมด้วย พร้อมย้ำถึงปัญหาที่ต้องจัดการทั้งเรื่องที่ดิน เรื่องการบริหารจัดการน้ำ จึงเป็นเรื่องสำคัญดีกว่าขัดแย้งกันต่อไป สิ่งสำคัญทุกฝ่ายต้องเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ซื่อสัตย์ รักษาสิทธิ์ เคารพกฎหมาย เผื่อแผ่แบ่งปันความดี ตอบแทนแผ่นดินภายใต้พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำความสงบสุขของเราคืนมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงเสร็จเรียบร้อย สมาชิกที่เหลืออยู่ในห้องประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้มีการปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เอกฉันท์ 251 งดออกเสียง 7 ไม่ลงคะแนน 2 โดยที่ฝ่ายค้านไม่อยู่กล่าวปิดการอภิปราย ประธานจึงได้สั่งปิดการประชุมทันที โดยมีรายงานข่าวว่า ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมลงมติในวันพรุ่งนี้ด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อตรวจสอบจากเอกสารการลงคะแนนพบว่า บุคคลที่ไม่ลงคะแนน 2 คน คือ นายภราดร ปริศนานนันทกุล และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล จากพรรคภูมิใจไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” พรุ่งนี้

ทำเนียบ 15 มิ.ย.-รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025 ร่วมโชว์พลังหญิง นำเสนอวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ให้กับประเทศไทยในทุกมิติ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568) รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้การต้อนรับ “โอปอล” นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World คนแรกของประเทศไทย ที่เพิ่งคว้ามงกุฎระดับโลกในการประกวด Miss World ประจำปี 2025 ที่ประเทศอินเดีย มีกำหนดการเข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น. การพบปะกันในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของสตรีไทย ที่สามารถสร้างชื่อเสียงและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นสิทธิสตรี การศึกษา และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน การเข้าเยี่ยมคารวะของ Miss World 2025 ยังเป็นการส่งสารเชิงบวกต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย […]