กทม.25 ก.พ.- กองปราบคุมตัว 3 ใน 6 ผู้ต้องหา คดีอุ้มฆ่าพี่ชายพิพากษาเจ้าของสำนวนโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” ชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ
เช้าวันนี้ ที่บริเวณด้านข้างศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซอยเจริญกรุง 63 พนักงานสอบสวนกองปราบปรามและชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ได้ควบคุมตัวนายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กุล และนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข 3 ใน 6 ผู้ต้องหา ไปทำแผนชี้จุดประกอบการรับสารภาพรวม 3 จุด ประกอบด้วย
1.บริเวณบ้านพักของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งอยู่บริเวณซอยรัชดา 33 หลังด่านเก็บเงินค่าผ่านทางย่านรัชดาฯ โดยกลุ่มผู้ต้องหาใช้เป็นที่พักและรวมตัวกันก่อนลงมือก่อเหตุ และคาดว่าได้วางแผนล่วงหน้าก่อนหลายวัน ทั้งนี้ นายณรงค์ศักดิ์ ยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของ พ.ต.ท.บรรยิน อึ๊งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย่านรัชดาภิเษก
2.บริเวณจุดรวมพลหน้าศาลแพ่งใต้ ซอยเจริญกรุง 63 เป็นจุดที่มาดักรออุ้มตัวขึ้นรถเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนายณรงค์ศักดิ์ รับว่าเป็นคนล็อกตัวนายชาติชาย เป็นคนผลักตัวขึ้นรถ ส่วนนายประชาวิทย์ เป็นคนคุมเชิง
3.บริเวณริมถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี เป็นสถานที่สุดท้ายที่คาดว่าผู้ตายอาจหมดสติก่อนจะเสียชีวิต
จากนั้นคุมตัวทั้ง 3 คน กลับกองบังคับการปราบปราม เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 ราย คือ พ.ต.ท.บรรยิน นายมานัส ทับนิล และนายธงชัย วจีสัจจะ ยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ
คดีนี้สืบเนื่องจากมีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุลักพาตัวนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชายของนางสาวพนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ ขณะอยู่บริเวณหน้าศาลไปต่อรองทางคดีให้พิพากษายกฟ้องพันตำรวจโทบรรยิน ที่ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง มูลค่า 300 ล้านบาท โดยตำรวจสืบสวนจนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 6 คน มีพันตำรวจโทบรรยิน เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน และพวกรวม 6 คน ไปยื่นฝากขังศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ใน 6 ฐานความผิดประกอบด้วย “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่องโจร, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเสรีภาพ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ”.-สำนักข่าวไทย