กรุงเทพฯ 24 ก.พ. – กรมการขนส่งทางบกเล็งเพิ่มโทษขาซิ่งเมาแล้วขับ เตรียมหารือร่วม 4 ฝ่าย กำหนดลักษณะลงโทษสูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า จะดำเนินการสั่งให้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เร่งศึกษาเพิกถอน พร้อมงดออกใบอนุญาตขับขี่ ผู้กระทำผิด “เมาแล้วขับ-ขับรถโดยประมาท” รถทุกประเภท เพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน โดยจะมีมาตรการออกมาประเดิมใช้ สงกรานต์ปีนี้
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปกติการลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดขับรถโดยประมาทโดยเฉพาะเมาแล้วขับนั้น กฎหมายแบ่งการลงโทษออกเป็น 2 ส่วน คือ รถสาธารณะพิจารณาโทษตามพระราชบัญญัติขนส่งฯ เช่น ผู้ประกอบการ ขับรถแท็กซี่ ซึ่งมีบทลงโทษหนักอยู่แล้ว เช่นกระทำผิด 1 ครั้ง จะมีการพักใช้ใบอนุญาต และหากมีการกระทำผิดซ้ำจะมีการเพิกถอนใบอนุญาตทันทีส่วนรถยนต์ทั่วไปนั้น บทลงโทษเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติจราจรฯ ซึ่งตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย หากพบผู้กระทำผิดจะนำตัวส่งฟ้องศาล ซึ่งศาลก็จะพิจารณาลงโทษตามฐานการกระทำผิด ว่าจะลงโทษหนักเบาแค่ไหนตามลักษณะการกระทำ
นายจิรุตม์ กล่าวว่า เมื่อรองนายกรัฐมนตรีมีนโยบายที่จะกำหนดบทลงโทษให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน หลังจากนี้กรมการขนส่งทางบกจะเร่งหารือกับหน่วยงาน 4 ฝ่าย คือ กรมการขนส่งทางบก ตำรวจ งานฝ่ายตุลาการ และภาคประชาชน ในส่วนของรถยนต์ทั่วไป หากมีการกระทำผิด จะมีการเชื่อมข้อมูลและเพิ่มบทลงโทษตามขั้นตอนของกฎหมายให้เข้มข้นขึ้นอย่างไรได้บ้าง เพื่อกำหนดรายละเอียดในการออกกฎหมายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยอมรับว่ากรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขร่างกฎหมาย เพื่อรวมกฎหมาย พ.ร.บ.ขนส่งฯ และพ.ร.บ.รถยนต์ เข้าด้วยกัน ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวส่งคืนกลับมาเพื่อให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการปรับปรุง หลังจากนี้จะมีการเชิญฝ่ายวิชาการจากหลายภาคส่วนเข้ามาปรับปรุงร่างกฎหมายอีกครั้ง ซึ่งกฎหมายดังกล่าวในอนาคตจะมีการกำหนดโทษของการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งฉบับใหม่ไว้เข้มข้นมากขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวอาจจะต้องใช้เวลา ดังนั้น การแก้ปัญหาผู้ขับรถโดยประมาทหรือเมาแล้วขับก่อให้เกิดอุบัติเหตุนั้น จะนำมาแยกพิจารณาหารือร่วมกับ 4 ฝ่าย เพื่อยกระดับการบังคับใช้กฎหมายไปก่อน.-สำนักข่าวไทย