ไทยเห็นพ้อง EU-ABC ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ

ทำเนียบฯ 17 ก.พ.-รัฐบาลไทย เห็นพ้อง EU-ABC ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ พร้อมเสริมสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง


คณะผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและยินดีที่ได้พบกับนายปีร์กะ ตาปีโอละ (H.E. Mr. Pirkka Tapiola) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย และคณะผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) พร้อมขอบคุณที่ให้ความสนใจในศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นการบริหารประเทศของรัฐบาล ซึ่งได้เดินหน้าปฏิรูปประเทศในทุก ๆ ด้านอย่างเต็มที่ ยึดหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการบริหารประเทศเพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง สังคมที่ปรองดอง และบ้านเมืองที่มีเสถียรภาพ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับนโยบาย Thailand 4.0 และ Thailand +1 ในการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการปรับปรุงกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุน เพื่อรองรับการลงทุนจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ ตลอดจนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีนโยบาย Bio-Circular-Green Economy หรือ โมเดล BCG เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและทั่วถึง โดยเฉพาะการช่วยเหลือเกษตรกร และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)


ด้านเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าพบ ซึ่งในการนำผู้แทนภาคเอกชนยุโรปจากหลากหลายสาขาบริษัทมาเข้าเยี่ยมคารวะในวันนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในการลงทุน นอกจากนี้ มุ่งหวังว่าไทยกับสหภาพยุโรปจะรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้า เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปให้ครอบคลุมทุกมิติ

ขณะเดียวกัน นายโดนัลด์ เคแนก (Mr. Donald Kanak) ประธาน EU-ABC ได้กล่าวถึงความสำเร็จของการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพต่อการค้าและการลงทุน รวมถึงการเป็นศูนย์กลางเพื่อขยายธุรกิจไปในระดับภูมิภาค พร้อมยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความพร้อมของบริษัทยุโรปที่จะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะใน EEC 

ระหว่างการหารือ นายกรัฐมนตรี ยังเปิดโอกาสให้ผู้แทนภาคเอกชนสหภาพยุโรป ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งผู้แทนภาคเอกชนยุโรป แสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์และแนวนโยบายเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ นักธุรกิจยุโรปเชื่อมั่นและประสงค์จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น


ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนอย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนขอให้ EU-ABC เป็นสื่อกลางส่งต่อข้อมูลด้านศักยภาพทางเศรษฐกิจและแผนการลงทุนของไทยให้กับภาคเอกชนยุโรป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทน EU-ABC ที่เข้าเยี่ยมคารวะ นายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ผู้แทนจากบริษัทข้ามชาติของยุโรป 20 แห่ง ซึ่งมีสำนักใหญ่ตั้งอยู่ที่เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ในสาขาสินค้าอุปโภคบริโภค ยา และเวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ การเงินการธนาคาร ยานยนต์ การประกันภัย โลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ TV ออนไลน์ และบริษัทให้คำปรึกษาทางธุรกิจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟเมียนมา

ตัดแขนขาเมียนมา ราคาน้ำมันพุ่ง-จำกัดการซื้อ

เข้าสู่วันที่ 3 สำหรับการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่งแม่สอดของไทยไปเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำมันในฝั่งเมียวดี