fbpx

วิษณุชี้เป็นหน้าที่กรมป่าไม้พิจารณาคดีที่ดินปารีณา

ทำเนียบฯ 12 ก.พ.- “วิษณุ” โยนเผือกร้อนที่ดินปารีณาให้กรมป่าไม้พิจารณาเอง หลังกฤษฎีกาส่งคำตอบ ยกคำพิพากษาศาลฎีกา ปี 2558 เอาผิด


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาสรุปความเห็นปมที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นพื้นที่ป่า ว่า ยังไม่แน่ใจว่าคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าอย่างไรทราบเพียงว่าตอบมาแล้ว และได้แจ้งไปยังกรมป่าไม้และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งเป็นเจ้าของคำถาม ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ทางกรมป่าไม้ ไปพิจารณาเอง ว่าสุดท้ายจะสามารถปรับให้เข้ากับคดีต่าง ๆ ได้อย่างไร เพราะการที่ตั้งคำถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นคำถามที่ใช้กับในหลาย ๆ กรณี ไม่ใช่เฉพาะกรณีที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นคำตอบบางอย่างใช้กับกรณีที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบันได้ แต่กรมป่าไม้ถามไปประมาณ 5-6 ข้อ ซึ่งบางข้ออาจจะไปใช้กับกรณีอื่น ๆ ด้วย 

นายวิษณุ กล่าวว่า หลักใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคำถามกี่ข้อก็ตาม แต่สามารถสรุปหัวข้อที่กรมป่าไม้สงสัยหนักที่สุดตรงที่ว่ากรมป่าไม้ หรือสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) กันแน่ ที่จะเป็นผู้ที่มีอำนาจเข้าไปดำเนินคดี และขอย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่เฉพาะกรณีของคุณปารีณา ความหมายคือที่ดินที่เข้าในลักษณะดังกล่าวไม่ว่าจะอยู่ในมือใครก็ตาม กรมป่าไม้ หรือ ส.ป.ก.กันแน่ที่มีอำนาจ ตรงนี้คือคำถามหลัก ที่เหลือเป็นคำถามรอง ซึ่งคำตอบในข้อนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบแล้วว่าเป็นอำนาจของทั้งสองฝ่าย เพียงแต่ ส.ป.ก.ไม่มีอำนาจจับ เพราะไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจในการจับ ดังนั้นจึงจับใครไม่ได้ แต่กรมป่าไม้ มีอำนาจจับได้ โดยเฉพาะถ้าที่ดินนั้นเป็นที่ดินป่าไม้ 


รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องไปดูว่าแต่ละคนได้ครอบครองที่ดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่  และส.ป.ก.เข้าดำเนินการในที่ดินดังกล่าวขนาดไหนแล้ว เกณฑ์ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาใช้ประกอบกับที่เคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกาเมื่อปี 2558 คือที่ดินนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นที่ดินของส.ป.ก.ก็ต่อเมื่อ 1.มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่ 2.คณะรัฐมนตรีจะต้องมีมติว่าที่ดินแปลงนั้นเข้าสู่กระบวนการปฏิรูป 3.ส.ป.ก.จะต้องออกแผนงานปฏิรูปสำหรับที่ดินแปลงนั้น และ 4.ได้มีงบประมาณสำหรับการเข้าไปดำเนินการปฏิรูป ซึ่งถ้าครบทั้ง 4 ข้อดังกล่าวที่ดินแปลงนั้นก็จะตกเป็นที่ดินของ ส.ป.ก. และพ้นสภาพจากการเป็นป่าสงวนทันที แต่ถ้ายังไม่ครบใน 4 ข้อดังกล่าวก็จะยังเป็นพื้นที่ป่าสงวน และเมื่อเพิกถอนการเป็นป่าสงวนก็จะกลายเป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก.

นายวิษณุ กล่าวว่า ศาลฎีกาก็ดี คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ดี ครั้งนี้ได้วินิจฉัยย้ำสำคัญว่า สมมติว่ามีที่ดินทั้งหมด 682 ไร่ เฉพาะแปลงที่ได้ดำเนินการครบตามคุณสมบัติ 4 ข้อ นี้เท่านั้น แปลงอื่นที่ยังไม่ได้ดำเนินการครบแม้จะคลุมเครือหรือเข้าข่ายก็ยังไม่เป็นการเพิกถอนพื้นที่ป่าสงวน หลักสำคัญมีอยู่แค่นี้ ดังนั้นกรมป่าไม้จึงต้องนำกลับไปพิจารณาว่าที่ดินของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าข่ายอยู่แค่ไหน ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ตอบ เพราะไม่ใช่ผู้วินิจฉัยคดี

ต่อข้อถามว่าหากกรมป่าไม้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งจะต้องรื้อทั้งประเทศหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า  เรื่องนี้กรมป่าไม้จะต้องเป็นผู้พิจารณาว่าจะทำอย่างไร และเมื่อวันที่ตนเชิญมาหารือ กรมป่าไม้ก็ระบุว่าในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ คือวันนี้จะเป็นวันที่ ส.ป.ก.จะเข้าไปสำรวจพื้นที่ แต่เนื่องจากคราวที่แล้ว น.ส.ปารีณาได้ทำหนังสือแจ้งว่าได้ส่งมอบที่ดินคืน แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าหากมีการจัดที่ดินให้กับเกษตรกร ก็ขอให้น.ส.ปารีณาก่อน ซึ่งทาง ส.ป.ก.บอกว่าตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ไม่ได้ ก็ถือว่ายังไม่ได้ส่งมอบคืน และพอแจ้งกลับไป น.ส.ปารีณาก็ทำหนังสือแจ้งกลับมาว่าขอส่งมอบให้โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งก็เท่ากับว่าเป็นการส่งมอบแล้ว ส่วนจะเป็นการส่งมอบจริงหรือไม่จริง ทาง ส.ป.ก.ก็ต้องเข้าไปในพื้นที่เพื่อดูว่ามีอะไรตรงไหนอย่างไร และทำอะไร แต่ปรากฏว่าเข้าไปแล้วเจ้าตัวไม่ยอมมาชี้เขต เจ้าหน้าที่จึงเข้าไม่ได้และไม่กล้าเข้า จึงนัดใหม่ในวันเดียวกันนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าของที่ดินจะต้องมาชี้เขตถ้าไม่มาชี้ หรือไม่มาบอก ก็เท่ากับว่ายังไม่ได้คืนที่ดิน


เมื่อถามว่าถ้าน.ส.ปารีณาไม่ไปชี้เขตจะมีปัญหาอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถมอบตัวแทนไปได้ แต่ถ้าไม่ไปชี้เขตและไม่ได้มอบหมายใคร ก็มีความผิดในฐานะไม่ให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ส.ป.ก.มาตรา 47 และประมวลกฏหมายที่ดินมาตรา 9 เป็นความผิดฐานไม่ให้ความร่วมมือ ขัดขวางโดยการนำชี้หลักเขต ไม่ใช่เรื่องการบุกรุกเพราะกฎหมาย ส.ป.ก. ไม่มีโทษอาญา มีโทษฐานเดียวคือการขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา 47.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด