กทม. 9 ม.ค. – ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล (ไบโอเมทริกซ์) ออกมายืนยันว่าระบบนี้ใช้งานได้ดี คุ้มค่ากับเงิน 2,000 ล้าน พร้อมพาไปดูการทำงานของระบบนี้
จากกรณี “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตนายตำรวจคนดัง ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าระบบไบโอเมทริกซ์ ของ ตม.ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีปัญหา ใช้งานไม่ได้ การจัดซื้อไม่โปร่งใส บิ๊กตำรวจเอื้อประโยชน์ให้เอกชน หลายคนจึงสงสัยว่าไบโอแมทริกซ์คืออะไร ใช้งานอย่างไร มีศักยภาพขนาดไหน และคุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องจ่ายไปถึง 2,000 ล้านบาท หรือไม่
ตำรวจที่เกี่ยวข้องจึงออกมาชี้แจงว่า ไบโอเมทริกซ์ เป็นระบบตรวจสอบบุคคลด้วยการสแกนม่านตา ใบหน้า และลายพิมพ์นิ้วมือที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้งานได้จริง เหตุที่นำมาใช้เพื่อตอบโจทย์งานด้านความมั่นคง และการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ตลอด 6 เดือนที่ติดตั้งระบบนี้ สามารถตรวจสอบคนเข้าออกประเทศได้ถึง 48 ล้านคน จับกุมบุคคลตามแบล็กลิสต์ได้ 4 คน Overstay กว่า 120,000 คน ใช้พาสปอร์ตปลอม และคดีอาชญากรรมอื่นอีก 3,000 คน และเปรียบเทียบปรับได้เงินเข้ารัฐอีก 240 ล้านบาท ผลที่ได้รับจากเงินงบประมาณที่เสียไป 2,000 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่า
ขั้นตอนการตรวจสอบบุคคลของไบโอเมทริกซ์ จะเริ่มต้นเมื่อนักท่องเที่ยงแสดงตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ประจำด่าน พร้อมพาสปอร์ต ซึ่งหน้าด่านตรวจจะมีกล้องถ่ายรูป บันทึกภาพหน้าตาปัจจุบันของนักท่องเที่ยวไว้ เจ้าหน้าที่จะนำพาสปอร์ตเข้าส่งเข้าเครื่องสแกนข้อมูล จากนั้นระบบจะเริ่มประมวลผล อ่านข้อมูลภายในพาสปอร์ต เคยเข้าออกไทยมาแล้วกี่ครั้ง ชื่อนามสกุล ลายพิมพ์นิ้วมือ รูปหน้าและม่านตาเป็นคนเดียวกันหรือไม่ หากข้อมูลอย่างหนึ่งอย่างใดมีปัญหา เครื่องจะหยุดอ่านและขึ้นสัญญาณ โนรีส บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ผู้ตรวจสอบระบบไบโอเมทริกซ์ จากสำนักงานรัฐบาลพัฒนาดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นอีก 1 คนที่ยืนยันว่าสนามบินนานาชาติและท่าอากาศยานชั้นนำของโลกหลายแห่งใช้ระบบนี้ในการตรวจสอบบุคคลเข้าออกประเทศ และเป็นระบบที่ยอมรับว่าเป็นมาตรฐานสากล เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในตอนนี้. – สำนักข่าวไทย