ไอทีสแควร์ หลักสี่ 9 ม.ค.-“พล.อ.ประวิตร” เปิดศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ เตรียมพร้อมต่ออายุแรงงานต่างด้าว บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอยู่ในที่แห่งเดียว เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ ขณะที่ “พล.ต.ท.สมพงษ์” แจงข้อดีของไบโอเมทริกซ์ มีประโยชน์ต่อการคัดกรองและตรวจสอบบุคคลจริง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS ) กรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมก่อนเปิดต่ออายุแรงงานต่างด้าว ที่ใบอนุญาตทำงานและการอยู่ต่อในราชอาณาจักรจะหมดอายุวันที่ 31 มีนาคม 2563 ถึง 30 มิถุนายน 2563 มี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงานให้การต้อนรับ
ศูนย์ดังกล่าวเป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมการปกครอง กรุงเทพมหานคร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมการจัดหางาน ปรับกระบวนการทำงานให้ผู้รับบริการไม่จำเป็นต้องไปติดต่อที่หน่วยงานราชการ ทำให้การต่อใบอนุญาตทำงาน มีความสะดวกรวดเร็ว ลดการใช้เอกสาร จากเดิม 16 รายการ เหลือเพียง 7 รายการ ที่สำคัญนายจ้างที่จะนำแรงงานต่างด้าวมาต่ออายุ สามารถนัดหมายมาได้ก่อนล่วงหน้า จึงทำให้เกิดความคล่องตัว และสามารถประเมินได้ว่า จะมีผู้มายื่นต่ออายุในแต่ละวันจำนวนเท่าใด โดยศูนย์บริการฯ ที่จัดตั้งในกรุงเทพ 4 แห่ง รองรับแรงงานต่างด้าวได้ 5,000 – 6,000 คนต่อศูนย์ต่อวัน แรงงานต่างด้าวในกรุงเทพมหานครที่จะต้องต่อใบอนุญาต มีจำนวนประมาณ 1,700,000 คน ขณะที่ ทั่วประเทศมีจำนวน 3-4 ล้านคน
ม.ร.ว.จัตุมงคล เผยว่า จะมีการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ 42 ศูนย์ทั่วประเทศ แบ่งเป็นในต่างจังหวัด 38 ศูนย์ และในพื้นที่กรุงเทพ 4 แห่ง คือ ที่ ห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์ เขตหลักสี่ ห้างสรรพสินค้า ยู อมูเลท พลาซ่า เพชรเกษม พาวเวอร์ เซ็นเตอร์ เขตบางแค ห้างสรรพสินค้า นัมเบอร์วัน พลาซ่า ถนนรามคำแหงสอง เขตบางนา และตลาดสดสี่แยกหนองจอก เขตหนองจอก โดยศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ กรุงเทพมหานครเปิดอย่างเป็นทางการ วันนี้ (10 ม.ค.) ถึง 31 มีนาคม2563 จะเปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ มีแรงงานต่างด้าวมารับบริการจำนวนหนึ่ง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เข้าไปพูดคุยสอบถามอย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้ ในช่วงหนึ่งของการตรวจเยี่ยมจุดบริการของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รายงานว่า สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำเอาเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ ที่สามารถตรวจจับใบหน้ามนุษย์เข้ามาใช้เสริมการทำงาน ภายหลังนำเข้ามาใช้เพียง 6 เดือน สามารถสแกนใบหน้าบุคคลที่เข้าออกในประเทศ 48 ล้านคน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาขึ้นบัญชีดำ 4,000 กว่าราย และสามารถจับกุมแรงงานที่อยู่เกินกำหนดได้ราว 100,000 คน สามารถปรับเป็นเงินเข้าแผ่นดินได้ 200 กว่าล้านบาท.- สำนักข่าวไทย