กรมชลฯ เร่งระบายน้ำท้ายเจ้าพระยาเจือจางค่าความเค็ม

กรุงเทพฯ 9 ม.ค. – กรมชลประทานเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ สู่แม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้าย เพื่อเจือจางค่าความเค็มไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา ภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม


นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเพิ่มปริมาตรน้ำที่ระบาจากเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 100 ลบ.ม./วินาที โดยจะคงการระบายอัตรานี้ถึงวันพุร่งนี้ (10 ม.ค.) จากนั้นจะทยอยปรับลดลงจนอยู่ที่ 90 ลบ.ม./วินาที ส่วนเขื่อนพระราม 6 ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งรับน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์นั้น ระบาย 11 ลบ.ม./วินาที ต่อเนื่องถึงพรุ่งนี้ แล้วจะทยอยปรับลดเช่นกัน 


ทั้งนี้ กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ คาดการณ์ว่าน้ำทะเลจะหนุนสูงสุดวันที่ 12-13 มกราคม จากนั้นจะลดลงตามลำดับ ระหว่างนี้ได้เร่งสูบน้ำจากแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ มาสู่แม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้าย เพื่อเจือจางค่าความเค็มน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเดินเครื่องสูบน้ำ 12 เครื่องที่ประตูระบายน้ำ (ปตร.) พระยาบรรลือ สูบน้ำที่ผันมาจากแม่น้ำแม่กลองผ่านแม่น้ำท่าจีนลงสู่คลองพระยาบรรลือระบายผ่านประตูระบายน้ำสิงหนาท 2 ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา 36 ลบ.ม./วินาที

ปตร.พระยาบรรลือ สูบน้ำ 12 เครื่อง (จาก 14 เครื่อง เครื่องละ 3 ลบ.ม./วินาที) ปริมาณน้ำ 36 ลบ.ม./วินาที เดินเครื่องผลักดันน้ำ 14 จุด รวม 72 เครื่อง โดยจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปยังสถานีสูบน้ำสำแล จังหวัดปทุมธานีซึ่งเป็นสถานีสูบน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาเลี้ยงกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ยังสั่งให้สำนักเครื่องจักรกลเปิดเส้นทางน้ำคลองพระพิมลซึ่งเชื่อมจากแม่น้ำท่าจีนมายังคลองบางบัวทอง ก่อนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่ปตร.สน.พระพิมล 5 เครื่อง มีแผนระบายน้ำ 15 ลบ.ม./วินาที แต่เนื่องจากน้ำในคลองไม่ยกตัว จึงสูบออกที่ปตร.บางบัวทองได้บางช่วงเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือจากการประปานครหลวงเพิ่มการสูบน้ำจากคลองประปาที่เชื่อมจากแม่น้ำท่าจีนมาลงคลองปลายบางบริเวณหน้าโรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี จาก 6 ลบ.ม./วินาที เป็น 10 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้น้ำจืดมาเจือจางค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยาช่วยให้สามารถผลิตน้ำประปาได้ตามปกติ ประกอบกับเปิดบาน ปตร. คลองลัดโพธิ์ในช่วงเวลาน้ำลง ตั้งแต่เวลา 15.30- 21.30 น. รวม 6 ชั่วโมง

นายทองเปลว กล่าวต่อว่า การเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาลดลง จากเมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) เวลา 06.00 น. อยู่ที่ +14.10 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) เช้านี้ (9 ม.ค.) อยู่ที่ +14.00 เมตร รทก. และคาดว่าวันพรุ่งนี้จะอยู่ที่ +13.50 เมตร รทก. แต่จะไม่ลดต่ำไปกว่านี้เนื่องจากจะทยอยปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ขณะนี้ขอความร่วมมือโครงการชลประทาน 2 ฝั่งเหนือเขื่อนเจ้าพระยาลดการรับน้ำเข้าระบบชลประทานให้เป็นไปตามแผนอย่างเคร่งครัด โดยขณะนี้น้ำยังสามารถเข้าไหลเข้าคลองชลประทานทุกสายและไหลย้อนขึ้นสู่แม่น้ำสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานีได้


“ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจแก้ไขและบรรเทาวิกฤติภัยแล้งปี 2562/2563 กรมชลประทานจะติดตามและแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง สำหรับลุ่มเจ้าพระยาจะเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนจะเกิดอีกครั้งปลายเดือนนี้ ซึ่งเตรียมส่งเครื่องจักร-เครื่องมือควบคุมค่าความเค็มให้อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง ตลอดจนพร้อมแก้ไขปัญหาการขาดแคลน้ำในพื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง” นายทองเปลว กล่าว

นายทองเปลว กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการยกระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท สูงขึ้นเกินกว่า +14 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วจนถึงต้นสัปดาห์นี้ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณประตูระบายน้ำประพาสต้นและประตูระบายน้ำขุมทรัพย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำสะแกกรังอยู่ที่ระดับ +14.25 เมตร รทก. น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลย้อนเข้าแม่น้ำสะแกกรังซึ่งอยู่เหนือเขื่อนได้เพิ่มขึ้น โดยการลำเลียงน้ำทางประตูระบายน้ำประพาสต้นจะผ่านบึงขุมหมาลงสู่แม่น้ำสะแกกรัง ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ส่วนทางประตูระบายน้ำขุมทรัพย์จะผ่านบึงขุมหมาเช่นกัน แล้วลงแม่น้ำสะแกกรัง ระยะทาง 1 กิโลเมตร ซึ่งบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำสะแกกรังตอนล่างจังหวัดอุทัยธานีได้แล้ว นอกจากนี้ ยังกำชับให้กำจัดวัชพืชในลำน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้น้ำไหลเวียนได้สะดวกมากขึ้นด้วย 

ทั้งนี้ กรมชลประทานมีแผนงานสร้างสถานีสูบน้ำบริเวณประตูระบายขุมทรัพย์ ซึ่งอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 จำนวน 80 ล้านบาท ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำและอาคารบังคับน้ำในบึงขุมหมา กำหนดไว้ในแผนปีงบประมาณ 2564 สำหรับระยะยาวจะเร่งรัดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสะแกกรังตอนบน โดยการก่อสร้างประตูระบายน้ำเขาชนกัน เพื่อปิดปากแม่น้ำสะแกกรังกันไม่ให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเพื่อใช้บริหารจัดการน้ำและกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้เพียงพอตลอดฤดูแล้งต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล แจ้งกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหาร หวั่นเกิดโรคระบาด

ทำเนียบ 4 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล ยืนยันดูแลทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวอย่างดี พร้อมเปิดให้องค์การระหว่างประเทศร่วมตรวจสอบ ขอให้ประชาชนมั่นใจการประชุม GBC เชื่อจะทำอย่างรอบคอบ ยึดผลประโยชน์ประเทศ พร้อมแจ้ง รมต.กลาโหมกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหารกัมพูชา หวั่นทิ้งไว้นานอาจเกิดโรคระบาด พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า ในการประชุม GBC ที่เริ่มขึ้นในวันนี้  เราได้มีการเตรียมแนวทางที่จะไปประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ได้เสนอให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณา เพื่อให้เห็นชอบ จากนั้น ก็ได้มาเตรียมการในเช้าวันเสาร์ ประกอบกับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางมาเลเซียได้ติดต่อขอประชุม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วย รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา แต่ในการประชุม 3 ฝ่าย ไม่ได้มีการลงประเด็น โดยไทยตอบเพียงในเรื่องหลักการ และในวันอาทิตย์ก็ได้คุยกับเหล่าทัพว่า ยืนยันและรับได้หรือไม่ รับได้ไหม พอใจไหม สบายใจไหม เหล่าทัพก็สบายใจ และกองเลขาฯ ก็ไปประชุม GBC ซึ่งจะใช้เวลาประชุมในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม และในวันที่ 6 […]

เตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” และคนขับกระบะเข้าให้การ

กทม. 4 ส.ค.-ตำรวจเตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” มาให้การอย่างละเอียด รวมถึงคนขับกระบะ ด้านผู้ก่อเหตุ สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่าคดี “เป๊ก ผลิตโชค” ถูกฟันบริเวณคาง ภายในปั๊มน้ำมัน คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควรแล้ว ยังเหลือเรื่องของคำให้การของพยาน โดยหลังจากนี้จะเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” ในฐานะผู้ถูกกระทำมาให้การอย่างละเอียด รวมถึงจะเชิญคนขับรถกระบะที่ “เป๊ก” ปีนขึ้นไป ตอนนี้พนักงานสอบสวนพยายามติดต่ออยู่ และพยานต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเรียกมาให้การเพิ่มเติมด้วย ส่วนนายชุติเทพ ที่เป็นผู้ก่อเหตุได้ทำการสอบปากคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของ “เป๊ก” นั้น ก็เป็นในส่วนของแพทย์.-419.-สำนักข่าวไทย

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ

ทำเนียบ 4 ส.ค.-สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ หน่วยงานความมั่นคงยังเฝ้าระวัง วางแนวกำลังปฏิบัติการตามแผน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยรายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ภาพรวมเหตุการณ์ทั่วไปถึงเช้าวันนี้ ยังคงเป็นปกติ ไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงยังคง เฝ้าระวัง โดยยังวางกำลังตามแนวปฏิบัติการตามแผน เพื่อรักษาอธิปไตยไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน.-314.-สำนักข่าวไทย

ปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้า

4 ส.ค. – สมาคมดาราศาสตร์ไทยแจงปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้าหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 00.00 น. (วันที่ 4 ส.ค.) สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้แจ้งว่า เกิดลูกไฟขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นปรากฏบนท้องฟ้าเหนือหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จากตรวจสอบน่าจะเป็น ดาวตกชนิดลูกไฟ (meteoroid) โดยลักษณะที่ปรากฏเป็นแสงสีเขียว อาจบ่งบอกถึงองค์ประกอบของธาตุนิกเกิล โดยทั่วไปแล้ว ดาวตก (Meteor) เกิดขึ้นเมื่อวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กเคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกและเสียดสีกับอากาศที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร ทำให้เกิดแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่เท่าใด ปริมาณความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากตามไปด้วย จากภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ดาวตกในครั้งนี้มีขนาดใหญ่และมีความสว่างมากเป็นพิเศษ ความสว่างของมันใกล้เคียงกับดาวศุกร์ ทำให้ถูกจัดเป็นดาวตกชนิด #ลูกไฟ (Fireball) อย่างชัดเจน ส่วนการปรากฏของแสงสีเขียว สามารถตีความได้ว่าดาวตกนี้มีส่วนประกอบของธาตุโลหะอย่างนิกเกิล.-สำนักข่าวไทย