กรุงเทพฯ 8 ม.ค. – “บิ๊กโจ๊ก” ให้ปากคำยัน”รู้ใครสั่งยิง” ลั่น 3 วันไร้วี่แววจับคนร้าย ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ
พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เข้าพบ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ข้อมูลในคดีถูกลอบยิงรถยนต์ส่วนตัวเมื่อคืนวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา
พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ ยอมรับว่า ส่วนตัวอยากกลับมาเป็นตำรวจ แต่คงไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องหรือสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ตัวเองเด่นดัง เพราะตั้งแต่พ้นจากตำรวจก็เก็บตัวเงียบมาตลอดไม่เคยออกมาโวยวายหรือร้องขอต่อสื่อมวลชน และส่วนตัว ยังคงเชื่อมั่นว่า สาเหตุที่ถูกลอบยิงรถยนต์ มาจากการที่ตัวเอง เตรียมเข้าเป็นพยาน กรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. สอบสวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างซื้อไบโอแมทริกซ์ ซึ่งส่วนตัว มองว่า โครงการนี้ มีมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท และผ่านการพิจารณาเรื่องจากอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มามากถึง 3 คน ดังนั้น การที่ตัวเองตัดสินใจ ยกเลิกโครงการนี้ ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถือเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับ
พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ ยังเชื่อมั่นว่าคดีนี้น่าจะจับตัวคนก่อเหตุได้ไม่ยาก เพราะมีกล้องวงจรปิดมากมาย และส่วนตัว ทราบผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง โดยเป็นผู้มีอำนาจ และเรียกร้องให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจวาระประจำปีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมายืนยันว่า มีการแต่งตั้งคนดีเข้ามาทำงาน ซึ่งหากจับผู้ก่อเหตุไม่ได้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องรับผิดชอบ
และการเข้าให้ปากคำวันนี้ (8 ม.ค.)พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้นำเอกสารลับ ปัญหาการใช้งานระบบไบโอแมทริซ์ ของ ตม.จังหวัดชลบุรี มาประกอบการสอบปากคำ โดยในเอกสารระบุข้อขัดข้องดังนี้
๑ ไม่มีระบบตรวจสอบบุคคลต้องห้ามและบุคคลฝ้าระวังคนต่างด้าวก่อนการพิจารณาอนุญาตให้อยู่ต่อในรชอาณาจักร
๒. การประมวลผลล่าช้า ไม่สามารถเรียกดูข้อมูลที่บันทึกแล้วได้ภายในวันเดียวกัน บางข้อมูลสามารถเรียกดูได้ต้องรอถึง ๒ วัน
๓. รายการเปรียบเทียบปรับ เมื่อปรับแล้วมาทำรายการขออยู่ต่อ ระบบให้กรอก
เลขที่ปรับ เล่มใบเสร็จค่าปรับ แต่ไม่สามารถกรอกซ้อมูลได้ เพราะไม่มีช่องให้กรอก ปัจจุบันแก้ปัญหาโดยการหมายเหตุ แล้วกดบันทึกข้อมูล
๔ เมื่อพบความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือสนามบิน
คอนเมือง ให้วันอนุญาตหรือประเภทวีซ่าผิด เจ้าหน้าที่ขออยู่ต่อต้องการ
แก้ไขในระบบให้ถูกต้อง แต่ไม่สามารถแก้ไขได้
๕. ระบบการรายงานสถิติ ข้อมูลในการลงระบบไม่ครบถ้วน เช่น ไม่สามารถ
แยกสถิติรายวัน รายเดือน หรือสัญชาติ ซึ่งในการปฏิบัติงานมีความจำเป็น
ต้องรายงานสถิติ
๖. การแก้ไขข้อมูล สามารถปิดระบบแก้ไขที่หน้าจอได้ แต่เมื่อพิมพ์รายงาน
พบว่าข้อมูลไม่ได้มีการแก้ไขแต่อย่างใด
๗. เห็นควรเพิ่มช่องให้กรอกประเภทวีซ่าในหน้าระบบการขออยู่ต่อ
๘. ระบบไม่สามารถชื่อมต่อกับ Printer พิมพ์ใบเสร็จต่อเนื่องได้
อย่างไรก็ตามวันนี้ก่อนเดินทางไปให้ปากคำในคดียิงรถรถยนต์เลกซัส ท้องที่ สน.บางรัก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หรือ บิ๊กโจ๊ก ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวไทย โดยบิ๊กโจ๊ก มีสีหน้าสดใส ทักทายอย่างเป็นกันเอง และเป็นการปรากฎตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี เก็บตัวเงียบหายจากสังคมไปนานเกือบ 9 เดือน
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ย้ำชัดๆ ว่า มูลเหตุลอบยิงรถยนต์ขณะไปนวดฝ้าเท้า ที่ย่านสุรวงศ์ มาจาการที่ตนเข้าไปเป็นพยานให้ ปปช. กรณีโครงการไบโอแมทริกซ์ ของ สตม. ทำให้มีผู้เสียผลประโยชน์ และผู้เสียผลประโยชน์ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมาก ไม่พอใจ จึงสั่งการให้คนลงมือกับตนเองเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา(6 ม.ค.) พร้อมกับย้ำว่า เคยคัดค้านไบโอแมทริกซ์ ซึ่งมีมูลค่าโครงการเกือบ 2 พันล้านบาท ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดเหตุปองร้าย ก็จะเดินหน้าให้ข้อมูลความจริงต่อ ปปช. ต่อไป
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยืนยันอีกว่าเห็นภาพผู้ต้องสงสัย 2 คนที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ และเป็นการยิงระยะใกล้ จึงตอบไม่ได้ว่าเป็นคนมีสีหรือไม่ เพราะการยิงแบบนี้ ใครๆก็ยิงได้ มั่นใจผู้สั่งการต้องการข่มขู่เท่านั้น ไม่ได้มุ่งหวังเอาชีวิต ที่สำคัญตนทราบตัวคนสั่งยิงด้วย เนื่องจากที่ผ่านมา มีความพยายามจากอีกฝ่ายเรียกตนเข้าไปพูดคุยเพื่อให้ถอนตัวจากเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง ส่วน ประเด็นแต่งตั้งโยกย้ายที่ตนเคยทำบัญชีโยกย้ายตำรวจ ไม่เชื่อว่าจะเป็นชนวนก่อเหตุครั้งนี้
หลังจากให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวไทย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางออกจากจุดนัดพบ เพื่อไปเตรียมตัว ก่อนจะเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ในเวลา 12 นาฬิกา 30 นาที ซึ่ง ยืนยันว่า การให้ปากคำจะพุ่งเป้าไปเลยว่า ถูกลอบยิงด้วยสาเหตุใด แต่จะไม่บอกว่าใครสั่งยิงรถยนต์ ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการขยายผลจับกุม พร้อมยืนยัน ไม่ได้จัดฉากโปรโมทตัวเอง .-สำนักข่าวไทย