สื่อสภาตั้งฉายาสภาเป็นดงงูเห่า และให้ชวนเป็นใบมีดโกนขึ้นสนิม

รัฐสภา 28 ธ.ค.-สื่อสภาฯ
ตั้งฉายาสภาผู้แทนฯ
ดงงูเห่า” –
ชวน” ฉายา ใบมีดโกนขึ้นสนิม” – “ปิยบุตรคว้าดาวเด่นสภา ปารีณาดาวดับ – สภาทหารเกณฑ์ ฉายา ส.ว. – “พรเพชรค้อนยาง” – ยกวันสภาล่มซ้ำซ้อน
เป็นเหตุการณ์แห่งปี


 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชนประจำรัฐสภา
ตั้งฉายาประจำรัฐสภา เพื่อสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ประจำปี 2562


โดยตั้งฉายาสภาผู้แทนราษฎรในปีนี้ว่า
“ดงงูเห่า”

เพราะการหายไปของสภาผู้แทนราษฎรกว่า
5 ปี ทำให้สภาฯ เป็นที่คาดหวัง จะเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน
แต่จะด้วยผลกระทบจากรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ หรือเป็นนิสัยส่วนบุคคล
ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ “งูเห่า” ทั้งการประกาศตัวเป็น
“ฝ่ายค้านอิสระ” แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฝ่ายค้านอิสระ กลับลงคะแนนสวนทางมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายครั้ง
เช่น การสวนมติ พ.ร.ก.โอนย้ายอัตรากำลังพล
และการแสดงตนร่วมเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาลในการนับคะแนนญัตติการตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากคำสั่ง
คสช.ใหม่ เป็นต้น

 


ฉายาประธานสภาผู้แทนราษฎรปีนี้
สื่อมวลชน ตั้งฉายาให้กับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า
“มีดโกนขึ้นสนิม” แม้จะมีความตั้งใจจะให้ประชาชนกลับมาศรัทธาสภาฯ
แต่มีดโกนอาบน้ำผึ้ง ที่เคยบาดลึกดูกำลังขึ้นสนิม
หลังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสภาได้
ทั้งการวินิจฉัยเรื่องการนับคะแนนใหม่ในญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษามาตรา
44 จนนำมาสู่เหตุการณ์สภาล่ม ไปจนถึงการพยายามลอยตัวกับปัญหา
โดยเฉพาะความขัดแย้งในคณะกรรมาธิการสามัญฯ ทั้งที่เป็นผู้นำสูงสุดของสภา
แต่ถึงจะมีสนิม ที่อาจฟันอะไรไม่ขาดทีเดียว แต่หากใครได้โดนแล้ว ยังต้องรู้สึกเจ็บ
และต้องรีบฉีดยากันบาดทะยัก เพราะวาจาของนายหัวเมืองตรัง ยังเจ็บจี๊ดไม่เปลี่ยนแปลง

 

ฉายานายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร 
ได้รับฉายาว่า “ขนมจีนไร้น้ำยา” โดย นายสมพงษ์
ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ
ในภาวะที่ฝ่ายค้านไม่ได้เป็นลูกไล่รัฐบาลเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมีเสียงในสภาที่สูสีกัน
และฝ่ายค้าน
เคยชนะโหวตรัฐบาลมาแล้วในการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากประกาศ
และคำสั่งของ คสช.ตามมาตรา 44 แต่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังไม่อาจแสดงบทบาท
และศักยภาพในการตรวจสอบรัฐบาลให้เป็นที่ประจักษ์ เมื่อเทียบกับผู้นำฝ่ายค้านฯ
ในอดีต อีกทั้งยังไม่ปรากฎบทบาทการเป็นผู้นำเพื่อให้การทำงานของสภาฯ
เกิดความสมานฉันท์ และเป็นที่จดจำ จึงไม่ต่างอะไรกับขนมจีน ที่ดูน่ารับประทาน
แต่เมื่อไร้น้ำยารสเลิศ ก็ทำให้ขนมจีนจานนั้น ไม่ได้อยู่ในสายตา

 

สำหรับดาวเด่นปีนี้ ได้แก่
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เหตุผลหลักที่ทำให้นายปิยบุตร
ได้รับตำแหน่งดังกล่าว คือ
การเปิดประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนายกรัฐมนตรี
ที่ไม่ครบถ้อยคำตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จนนำมาสู่การเปิดประชุม
เพื่ออภิปรายทั่วไปของสภาผู้แทนราษฎร และตลอดการทำหน้าที่อภิปรายในสภา
ก็ไม่ได้ใช้แต่เพียงวาทะศิลป์เท่านั้น เพราะล้วนมีเหตุผลทางวิชาการ
และกฎหมายรองรับ

 

ส่วนดาวดับแห่งปี หนีไม่พ้น นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ส.ส.ราชบุรี
พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้สร้างกระแสในแง่ลบผ่านทางสื่อออนไลน์เป็นระยะ
แม้จะแสดงบทบาทตรวจสอบการถือครองที่ดินของมารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
แต่กลับเป็นคนที่ไม่ยอมรับการตรวจสอบการถือครองที่ดินในจังหวัดราชบุรีของตนเอง
ทั้งที่มีตำแหน่งกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ซึ่งทุกครั้งที่ถูกผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว กลับพยายามบ่ายเบี่ยง
ถึงขนาดที่กล่าวอ้างว่า ได้ทำ
MOU กับนักข่าว
เพื่อยุติการสัมภาษณ์โดยไม่มีหลักฐาน สื่อมวลชนจึงหวังว่า นางสาวปารีณา
จะมีการปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในอนาคตหลังได้รับตำแหน่งนี้

 

สำหรับคู่กัดแห่งปี 2562
ได้แก่
ปารีณา และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แม้ว่าจะต่างวัยกันแต่ก็เป็นมวยถูกคู่ นางสาวปารีณา ถูกพรรคพลังประชารัฐ
ส่งมาเป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
เพื่อปกป้องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ภายหลังพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ พยายามเรียกนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงปมการถวายสัตย์ฯ
ต่อคณะกรรมาธิการฯ 
แต่ปารีณาพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง
ถึงขั้นมีการล็อบบี้สมาชิกในพรรคพลังประชารัฐ
ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบกันเองภายในคณะกรรมาธิการ จนงานอื่น ๆ
ของคณะกรรมาธิการไม่เดินหน้า ดังนั้น การปะทะของนางสาวปารีณา และพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์
จึงมีแต่เพียงวิวาทะที่หาแก่นสารไม่ได้

 

สำหรับเหตุการณ์แห่งปี 2562
นี้ คือเหตุการณ์ “สภาล่ม
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึง
2 ครั้ง 2
วันติดต่อกันระหว่างการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ตามมาตรา 44 ปฐมเหตุเริ่มมาจากการที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตให้กับฝ่ายค้าน
แต่ปรากฎว่า ส.ส.รัฐบาลใช้สิทธิขอนับคะแนนใหม่ จนนำมาสู่การลงคะแนนใหม่
โดยก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนดังกล่าวจะต้องมีการนับองค์ประชุมก่อน
ทว่าในคืนประชุมแรกเหลือ ส.ส.ร่วมเป็นองค์ประชุมเพียง 92 คนเท่านั้น
และหลังมีการนัดประชุมครั้งใหม่ แต่ก็ยังมีส.ส.เพียง 240 คนไม่ครบองค์ประชุม
นับเป็นปรากฎการณ์ที่สร้างภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียให้กับสภาฯ
สะท้อนสภาวะการณ์ปัญหาเสียงปริ่มน้ำระหว่างฝ่ายค้่น และฝ่ายรัฐบาลอย่างชัดเจน

 

สำหรับวาทะแห่งปี 2562 คือ
“ตัดพี่ตัดน้อง” เกิดขึ้นในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐบาล
ระหว่างที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยอภิปรายโจมตีรัฐบาลดุเดือด กล่าวหาว่า
โกงเลือกตั้งจนได้กลับสู่ตำแหน่งโดยไม่สุจริต จนเกิดวาทะดังกล่าว ที่พลเอกประยุทธ์
พูดกลางที่ประชุมรัฐสภา เพื่อตอบโต้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ ว่า
เรารู้จักกันมานาน ท่านเป็นรุ่นพี่ผม แต่งงานวันเดียวกัน
แต่วันนี้ไม่ถือว่าเป็นรุ่นพี่อีกแล้ว เพราะท่านไม่เกียรติผม
เคยพูดว่าจะชักปืนยิงผม ถ้ายิงจริง ท่านก็ติดคุกไปแล้ว ท่านพูดจาหยาบคาย
เหรียญรามาผมก็ได้ แต่ไม่เคยอวดอ้างอำนาจ และให้ไปทบทวนตัวเอง
จากการตัดพี่ตัดน้องในวันนั้น

 

ขณะที่ วุฒิสภา หรือ 250 ส.ว.
ได้รับฉายา “สภาทหารเกณฑ์” ตามกลไกที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
กำหนดให้มีวุฒิสภาแบบพิเศษใน 5 ปีแรกด้วยการคัดเลือกโดย คสช. และ
ส.ว.ชุดปัจจุบันจำนวนไม่น้อยมาจากบุคคลที่เคยเป็นสมาชิกสนช.ที่คสช.เคยแต่งตั้งอีกด้วย
ทำให้ ส.ว.เปรียบเสมือนเป็นทหารที่ถูก คสช.เกณฑ์เข้ามา
ที่ไม่เพียงมีหน้าที่ในระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปีแรกเท่านั้น แต่ยังมีภารกิจ
ในการเทคะแนนเลือกพลเอกประยุทธ์ ให้หวนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
และในอนาคตกำลังจะมีหน้าที่ปกป้องรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายค้าน
และพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคกำลังจองกฐินเตรียมแก้ไขไว้ด้วย

 

สำหรับฉายานายพรเพชร
วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ปีนี้ได้ฉายา “ค้อนยาง” จากเหตุที่ก่อนหน้านี้
เคยดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ
สนช.ซึ่งเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติสมัย คสช. มาก่อน
แต่เมื่อมาทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภา บทบาทและอำนาจหน้าที่ที่เคยมีนั้นหายไป
ทำให้สมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ยำเกรงในบารมีของประธานวุฒิสภา
เห็นได้จากการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่ออภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา
ของคณะรัฐมนตรีเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา
เพราะทุกครั้งที่นายพรเพชรขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุม ในฐานะรองประธานรัฐสภา
จะถูกส.ส.ลองของ จนควบคุมการประชุมไม่ได้ โดยเฉพาะการปะทะคารมกันระหว่าง
พลเอกประยุทธ์และ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์จนนำมาซึ่งความวุ่นวายกลางที่ประชุม
แม้ประธานวุฒิสภา จะประเดิมการใช้ค้อนทุบบนบัลลังค์ เพื่อให้เกิดความสงบ
แต่กลับสะท้อนผลตรงข้าม จึงสะท้อนให้เห็นว่า ค้อนที่นายพรเพชรถือไว้นั้นเป็นแค่
ค้อนยางเท่านั้น 

 

สำหรับตำแหน่ง คนดีศรีสภาฯ ปี 2562
นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา พิจารณา และลงมติร่วมกันแล้วว่า ยังไม่มีใครเหมาะสมที่จะได้ตำแหน่งดังกล่าว
โดยการตั้งฉายาสภาประจำปี ของสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ได้ว่างเว้นวรรคไป 5 ปี
ซึ่งในปี 2562 ที่มีการเลือกตั้ง สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกัน
ที่จะตั้งฉายาสภา เพื่อสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติในรอบปีที่ผ่านมา
โดยปราศจากอคติ และไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมืองแต่อย่างใด. สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ชาวบ้านร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัยเหตุกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ

ศรีสะเกษ 2 ส.ค.-เช้านี้บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันบ้านผือ อ.กันทรลักษ์ เต็มไปด้วยความสลด ชาวบ้านร่วมกิจกรรมวางดอกไม้แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิต จากเหตุถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ และจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆในอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทยอยเดินทางมาที่ปั๊ม ที่ถูกกัมพูชาโจมตีโดยการยิงจรวด BM-21 ใส่ เมื่อวันที่24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจรวจตกใส่บริเวณร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ชาวบ้านร่วมกันเขียนข้อความแสดงความไว้อาลัย ก่อนร่วมกันนำข้อความพร้อมดอกไม้ชูขึ้น เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ว่าการที่ทหารกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม จากนั้นได้รวมกันนำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความไว้อาลัยบริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อที่ถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่มาร่วม วางดอกไม้ แสดงความไว้อาลัย ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า การร่วมวางดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เสียชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี พร้อมขอประณามกัมพูชา ที่เลือกยิงเป้าหมายเป็นประชาชน ทั้งที่ตำบลเมืองถือเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ยังมีกระสุนตกใส่ และการที่เป็นพื้นที่สีเขียว จึงไม่ได้มีการอพยพประชาชน หากตกใส่หมู่บ้าน เชื่อว่าจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน

กทม. 2 ส.ค.-กองทัพบกบูรณาการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน หลังพบมีความพยายามบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที ในการนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ •ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย •ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร […]

ไทยตอนบนมีฝนน้อย คลื่นลมมีกำลังอ่อน

กทม. 2 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนมีฝนน้อย คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 20% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน และตากอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ […]

เปิดข้อเสนอสุดท้าย ทีมไทยแลนด์ ต่อรอง “ทรัมป์”

1 ส.ค. – เปิด 10 ข้อเสนอของทีมไทยแลนด์ ที่นำไปต่อรองกับสหรัฐ จนนำไปสู่การปิดดีลภาษีนำเข้าในอัตรา 19% จากที่ก่อนหน้านี้ถูกขู่ว่าจะเก็บสูงถึง 36% นอกจากตัวเลขภาษีนำเข้า สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนต้องการรู้ นั่นก็คือข้อเสนอของทีมไทยแลนด์ ที่นำไปต่อรองกับสหรัฐ จนนำไปสู่การปิดดีลที่ 19% โดยสิ่งที่ไทยยอมแลก 10 ข้อหลักมีดังนี้ เรียกว่า ไทยยอมแลกหลายมิติ ทั้งเปิดตลาดให้สหรัฐ มากขึ้น ยกเว้นภาษีเกือบหมด, เพิ่มการนำเข้า, และร่วมมือด้านความมั่นคง แลกกับการที่ “ภาษีตอบแทน” ที่สหรัฐจะเก็บจากไทย ลดลงจาก 36% เหลือ 19%.-สำนักข่าวไทย