กรุงเทพฯ 23 ธ.ค.-ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนุ่มชาวฝรั่งเศสร้องอ้างถูก ตำรวจ สน.ทองหล่อ รีดเงินหลังตรวจค้นและตรวจเลือดพบเพียงสารอนุมูลกัญชาเล็กน้อยที่ใช้รักษาอาการป่วย โดยให้รู้ผลภายใน 7 วัน ย้ำถ้าผิดจริงฟันไม่เลี้ยง
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผย จากกรณีที่สื่อนำเสนอข่าว นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวฝรั่งเศส ถูกตำรวจ สน.ทองหล่อ รีดเงินกว่า 8 พันดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.5 แสนบาท หลังถูกตรวจค้นยาเสพติด ขณะเดินอยู่ในซอยสุขุมวิท 43 แต่ไม่พบ เอาตัวไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลพบเพียงสารอนุมูลกัญชาเล็กน้อย ไม่ได้เกิดจากการเสพ แต่มาจากน้ำมันกัญชาที่ใช้รักษาอาการป่วย หลังเกิดเหตุเข้าร้องเรียนสถาน ทูตฝรั่งเศสนั้น
ได้รับรายงานจาก บก.น.5 ว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ต.62 เวลาประมาณ 20.00 น. สน.ทองหล่อ ได้รับการร้องเรียนจากคอนโดริสมอนต์ พลาเลส ซ.สุขุมวิท 43 ว่าที่ห้องเลขที่ 26/80 มักมีชางต่างชาติมั่วสุมยาเสพติดและสันนิษฐานว่าอาจมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จึงได้ทำการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบพบ ผู้ต้องสงสัย ชาวฝรั่งเศส จึงเรียกทำการตรวจสอบ โดยจากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอย่างใด จากนั้นได้สอบถามถึงหนังสือเดินทาง ปรากฎว่าไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางตัวจริงได้ จึงได้เชิญตัวมายัง สน.ทองหล่อ เพื่อขอทดสอบปัสสาวะหาสารเสพติด ซึ่งจากการทดสอบปัสสาวะในเบื้องต้น พบสารเสพติดประเภทกัญชา ในปัสสาวะของ ผู้ต้องสงสัย ชาวฝรั่งเศส
ผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส ให้การว่าตนเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจากสวัสดีคลินิก ซึ่งเป็นคลินิกเฉพาะทางที่ได้รักษาผู้ป่วยโดยใช้น้ำมันกัญชาในการรักษา และ ได้ติดต่อให้มารดาของตน นำเอาตัวอย่างน้ำมันกัญชา และเอกสารเป็นใบเสร็จซึ่งแสดงว่าได้ซื้อน้ำมันกัญชามาอย่างถูกต้องจากคลินิก มาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง พร้อมทั้งมารดาของผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส ได้นำหนังสือเดินทางมาแสดงต่อ จนท.ตร.ด้วย ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา ผู้ต้องสงสัย ชาวฝรั่งเศส ไปยัง รพ.เทพธารินทร์ เพื่อตรวจยืนยันผลว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะ หรือไม่ และจะมีจำนวนสารสอดคล้องกับการใช้น้ำมันกัญชา หรือได้มีการรับเข้าร่างกายโดยทางอื่นๆ ซึ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งผลตรวจของ รพ.เทพธารินทร์ ยืนยันว่ามีสารเสพติดประเภทกัญชาในปัสสาวะ และไม่สามารถยืนยันถึงวิธีการรับเข้าสู่ร่างกายได้
จากการที่ผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส มีเอกสารของคลินิกสวัสดี ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น เป็นคลินิกมีชื่อเสียงในการรักษาเฉพาะทาง จึงสันนิษฐานว่าจะเป็นคลินิกที่อาจได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องและจากผลตรวจสารเสพติดของ รพ.เทพธารินทร์ ที่ไม่สามารถยืนยันได้ถึงวิธีการรับสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายได้ จึงสันนิษฐานว่าสารเสพติดประเภทกัญชาที่ตรวจพบ ของผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส รับเข้าสู่ร่างกายโดยการใช้น้ำมันกัญชาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้อย่างถูกต้อง จึงทำการปล่อยตัว
ต่อมาได้มีนายปรัชญ์ จิตต์รุ่งเรืองชัย ได้ร้องเรียนว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ รับเงินจำนวน 250,000 บาท แลกกับการปล่อยตัว โดยผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส เล่าให้ฟังขณะถูกควบคุมตัวเพื่อรอผลตรวจปัสสาวะที่ สน.ทองหล่อ นั้น มีเพื่อนคนไทยอ้างตัวว่าสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปล่อยตัวได้ โดยต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 8,200 ดอลลาร์ ผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส จึงทำการโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของภรรยาของเพื่อนคนไทยคนดังกล่าว จากนั้นจึงได้รับการปล่อยตัว
ภายหลัง ได้รับเรื่องร้องเรียนในเรื่องที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5 ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและมีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รีบรายงานผล ภายใน 7 วัน
รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัด คงต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยหากพบ ว่ามีข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น การใช้อำนาจหน้าที่ไม่เหมาะสม ข่มขู่ รีดไถ หรือเรียกรับหรือยอมที่จะรับ ผลประโยชน์อื่นใด ก็จะมีบทลงโทษทั้งทางวินัยและอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งคงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิดไม่มีการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว
ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะนี้มาโดยตลอด ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก ทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับที่กำหนด อย่างเคร่งครัด ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือปฏิบัติงานไม่สนองนโยบายของผู้บังคับบัญชา ก็จะไม่เข้าข้างอยู่แล้ว และหากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่ายังไม่ทราบ รายละเอียดอยู่ระหว่างตรวจสอบ จึงได้สั่งการให้พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5 สอบข้อเท็จจริงอยู่ ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ใครมีข้อมูลก็ยินดีแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ถ้าพบความผิดก็จะไม่ปกป้อง ขอเวลาในการตรวจสอบรายละเอียดก่อน โดยวันนี้จะเชิญตัวผู้เสียหายมาพบ เพื่อให้ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร พร้อมสั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว .-สำนักข่าวไทย