ตั้งกรรมการสอบ หนุ่มฝรั่งเศส อ้างถูก ตร.ทองหล่อรีดเงินแลกปล่อยตัว

กรุงเทพฯ 23 ธ.ค.-ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนุ่มชาวฝรั่งเศสร้องอ้างถูก ตำรวจ สน.ทองหล่อ รีดเงินหลังตรวจค้นและตรวจเลือดพบเพียงสารอนุมูลกัญชาเล็กน้อยที่ใช้รักษาอาการป่วย โดยให้รู้ผลภายใน 7 วัน ย้ำถ้าผิดจริงฟันไม่เลี้ยง


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผย จากกรณีที่สื่อนำเสนอข่าว นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวฝรั่งเศส ถูกตำรวจ สน.ทองหล่อ รีดเงินกว่า 8 พันดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.5 แสนบาท หลังถูกตรวจค้นยาเสพติด ขณะเดินอยู่ในซอยสุขุมวิท 43 แต่ไม่พบ เอาตัวไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลพบเพียงสารอนุมูลกัญชาเล็กน้อย ไม่ได้เกิดจากการเสพ แต่มาจากน้ำมันกัญชาที่ใช้รักษาอาการป่วย หลังเกิดเหตุเข้าร้องเรียนสถาน ทูตฝรั่งเศสนั้น


ได้รับรายงานจาก บก.น.5 ว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ต.62 เวลาประมาณ 20.00 น. สน.ทองหล่อ ได้รับการร้องเรียนจากคอนโดริสมอนต์ พลาเลส ซ.สุขุมวิท 43 ว่าที่ห้องเลขที่ 26/80  มักมีชางต่างชาติมั่วสุมยาเสพติดและสันนิษฐานว่าอาจมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จึงได้ทำการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบพบ  ผู้ต้องสงสัย ชาวฝรั่งเศส จึงเรียกทำการตรวจสอบ โดยจากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอย่างใด จากนั้นได้สอบถามถึงหนังสือเดินทาง ปรากฎว่าไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางตัวจริงได้ จึงได้เชิญตัวมายัง สน.ทองหล่อ เพื่อขอทดสอบปัสสาวะหาสารเสพติด  ซึ่งจากการทดสอบปัสสาวะในเบื้องต้น พบสารเสพติดประเภทกัญชา ในปัสสาวะของ ผู้ต้องสงสัย ชาวฝรั่งเศส 

ผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส ให้การว่าตนเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจากสวัสดีคลินิก ซึ่งเป็นคลินิกเฉพาะทางที่ได้รักษาผู้ป่วยโดยใช้น้ำมันกัญชาในการรักษา และ ได้ติดต่อให้มารดาของตน นำเอาตัวอย่างน้ำมันกัญชา และเอกสารเป็นใบเสร็จซึ่งแสดงว่าได้ซื้อน้ำมันกัญชามาอย่างถูกต้องจากคลินิก มาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง พร้อมทั้งมารดาของผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส ได้นำหนังสือเดินทางมาแสดงต่อ จนท.ตร.ด้วย ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา ผู้ต้องสงสัย ชาวฝรั่งเศส ไปยัง รพ.เทพธารินทร์  เพื่อตรวจยืนยันผลว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะ หรือไม่ และจะมีจำนวนสารสอดคล้องกับการใช้น้ำมันกัญชา หรือได้มีการรับเข้าร่างกายโดยทางอื่นๆ ซึ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งผลตรวจของ รพ.เทพธารินทร์ ยืนยันว่ามีสารเสพติดประเภทกัญชาในปัสสาวะ และไม่สามารถยืนยันถึงวิธีการรับเข้าสู่ร่างกายได้

จากการที่ผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส มีเอกสารของคลินิกสวัสดี ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น เป็นคลินิกมีชื่อเสียงในการรักษาเฉพาะทาง จึงสันนิษฐานว่าจะเป็นคลินิกที่อาจได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องและจากผลตรวจสารเสพติดของ รพ.เทพธารินทร์ ที่ไม่สามารถยืนยันได้ถึงวิธีการรับสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายได้ จึงสันนิษฐานว่าสารเสพติดประเภทกัญชาที่ตรวจพบ ของผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส รับเข้าสู่ร่างกายโดยการใช้น้ำมันกัญชาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้อย่างถูกต้อง จึงทำการปล่อยตัว


ต่อมาได้มีนายปรัชญ์ จิตต์รุ่งเรืองชัย ได้ร้องเรียนว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ รับเงินจำนวน 250,000 บาท แลกกับการปล่อยตัว โดยผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส เล่าให้ฟังขณะถูกควบคุมตัวเพื่อรอผลตรวจปัสสาวะที่ สน.ทองหล่อ นั้น มีเพื่อนคนไทยอ้างตัวว่าสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปล่อยตัวได้ โดยต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 8,200 ดอลลาร์ ผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศส จึงทำการโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของภรรยาของเพื่อนคนไทยคนดังกล่าว จากนั้นจึงได้รับการปล่อยตัว

ภายหลัง ได้รับเรื่องร้องเรียนในเรื่องที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5 ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและมีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รีบรายงานผล ภายใน 7 วัน

รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัด คงต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยหากพบ ว่ามีข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น การใช้อำนาจหน้าที่ไม่เหมาะสม ข่มขู่ รีดไถ หรือเรียกรับหรือยอมที่จะรับ ผลประโยชน์อื่นใด ก็จะมีบทลงโทษทั้งทางวินัยและอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งคงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิดไม่มีการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว

ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะนี้มาโดยตลอด ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก ทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี

พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับที่กำหนด อย่างเคร่งครัด ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือปฏิบัติงานไม่สนองนโยบายของผู้บังคับบัญชา ก็จะไม่เข้าข้างอยู่แล้ว และหากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่ายังไม่ทราบ รายละเอียดอยู่ระหว่างตรวจสอบ จึงได้สั่งการให้พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5 สอบข้อเท็จจริงอยู่ ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ใครมีข้อมูลก็ยินดีแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ถ้าพบความผิดก็จะไม่ปกป้อง ขอเวลาในการตรวจสอบรายละเอียดก่อน โดยวันนี้จะเชิญตัวผู้เสียหายมาพบ เพื่อให้ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร พร้อมสั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]