กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – สร.กฟผ.กดดัน “สนธิรัตน์” แจงล้มนำเข้าแอลเอ็นจี 1.5 ล้านตัน/ปี รัฐมนตรีพลังงานรับปากจะให้นำเข้าแอลเอ็นจีล็อตใหม่ โดยจะนำเสนอบอร์ด กพช.เดือน ก.พ.นี้
นายปิยะพงษ์ อนันตสุรกาจ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) เปิดเผยหลังเข้าพบนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่า ได้ทวงถามเหตุผลมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.วันที่ 16 ธันวาคม 2562 ที่ให้ล้มประมูลนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี 1.5ล้านตัน/ปีในสัญญาการนำเข้าระยะกลาง 8 ปี โดยให้ยกเลิกมติ กพช.วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 และ กพช.มีมติใหม่ให้นำเข้าสัญญาSPOT 200,000 ตันเท่านั้น ซึ่ง นายสนธิรัตน์ ได้ชี้แจงสอดคล้องกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานและประธานบอร์ด กฟผ.ที่ให้ กฟผ.นำเข้าแอลเอ็นจีได้ในรอบต่อ ๆ ไป เป็นผู้นำเข้า หรือ Shipper รายที่ 2 ของประเทศ โดยให้นำเข้าเพื่อใช้เองก่อน โดยให้ กฟผ.คำนวณตัวเลขความต้องการใช้ทั้งหมด เพื่อนำเสนอบอร์ด กพช.เดือนกุมภาพันธ์ 2563 และราคาเมื่ิอนำเข้ามาแล้วต้องแข่งขันได้ ดังนั้น ราคานำเข้ารอบใหม่จะเป็นราคารวมเฉลี่ยกับราคาอ่าวไทยและเมียนมา หรือ Poll Gas
“แม้จะพอใจกับคำตอบ แต่ สร กฟผ.จะติดตามอย่างต่อเนื่อง ว่ารัฐมนตรีพลังงานจะทำอย่างที่รับปากหรือไม่ หากทำได้ ต้นทุนราคาก๊าซจะถูกลง และค่าไฟฟ้าภาคประชาชนจะถูกลงด้วย” นายปิยะพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ของ สร.กฟผ.ตั้งข้อสังเกตว่าแอลเอ็นจี นโยบายเพื่อประโยชน์ของชาติ หรือของนักการเมือง โดย กฟผ.ดำเนินการปฏิบัติตาม มติ กพช.ทั้งหมดประมูลแข่งขันและ Petons LNG ชนะประมูล ซึ่งทางรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ได้ให้สัญญากับทางผู้บริหาร กฟผ. และทาง สร.กฟผ. ไว้ในหลายประเด็น ว่าจะดำเนินการเจรจากับทางปีโตรนาสตัวยตัวเอง จะเข้าไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบราชการ และข้อกฎหมายต่าง ๆ ภายในระยะเวลา 3 เดือน และกำชับทาง กฟผ.ให้จัดหาแอลเอ็นจีแบบ SPOT ให้เรียบร้อย ซึ่งถ้ายังติดปัญหาตรงไหน เดือนมษายน 2563 มานั่งปรึกษากัน และได้ให้คำมั่นสัญญกับทาง สร.กฟผ.ไว้ว่าจะไม่ยกเลิกการประมูลที่เกิดขึ้นตามมติ กพช.ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 อย่างแน่นอน
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ได้ยกเลิก และกระทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ในการเร่งรัดการเจรจาในส่วนของ DCQ สัญญาซื้อขายก๊าซระยะยาวกับ ปตท. ข้อสังเกตหนึ่งที่สังคมกังขา และเป็น Talk of the town คือ เรื่องนี้เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นจากนายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน เปลี่ยนแค่ รมว.พลังงาน เท่านั้น แต่นโยบายกลับเปลี่ยนไปมา.. หรือแท้ที่จริงแล้ว จะมีกลุ่มใดที่ได้ประโยชน์ จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้หรือไม่ โดย สร.กฟผ.จะติดตามเรื่องนี้ โดยขอยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย