กรุงเทพฯ 18 ธ.ค. – SCGP ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญไม่เกิน 1,374,000,000 หุ้น แบ่งเป็น จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 1,194,800,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 27.7 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SCGP ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ (ไม่รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจาก SCGP ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินไม่เกิน 179,200,000 หุ้น โดยคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 15.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเสนอขายทั้งหมดครั้งนี้ โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อให้ SCGP สามารถระดมทุนมาใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจแพคเกจจิ้ง ทั้งในและต่างประเทศให้เติบโต รวมทั้งเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินให้มีความพร้อมในการรองรับการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
นายวิชาญ จิตร์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร ตลอดจนการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ในภูมิภาค SCGP จึงวางแผนงานขยายธุรกิจเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย เพิ่มสัดส่วนการขายบรรจุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง รวมถึงกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจการบริการด้านอาหาร และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นำรูปแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของ SCGP ในประเทศไทยไปขยายในต่างประเทศ โดยใช้กระบวนการบูรณาการทั้งในแนวตั้งและแนวนอนเพื่อสร้างความใกล้ชิดระหว่าง SCGP กับลูกค้า และมีส่วนร่วมกับลูกค้าในด้านต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น ดำเนินการตามกลยุทธ์การควบรวมกิจการและร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเร่งการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างประโยชน์จากการผนึกกำลัง (Synergy) ระหว่างธุรกิจภายใน SCGP ลงทุนและพัฒนานวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงขยายฐานลูกค้าในตลาดที่มีการเติบโตสูง เพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน โดยใช้เครื่องจักรกลอัตโนมัติ และเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และเป็นต้นแบบ (Role Model) ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และดำเนินธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในภูมิภาคและสนับสนุนแนวทางดังกล่าวให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่น.-สำนักข่าวไทย