สำนักงานป.ป.ช. 27 พ.ย.- “ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช.สอบ 3 ส.ส. รัฐบาล ถือครองที่ดิน ภ.ท.บ.5 ระบุ อาจขาดคุณสมบัติ เพราะเป็นส.ส.มีรายได้ ขอคืนเพื่อจัดสรรให้ประชาชนได้ทำกิน เดินหน้าเตรียมยื่นหน่วยงานเกี่ยวข้องต่อไป
สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้ (27 พ.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช .ตรวจสอบเอาผิดนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กรณีครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 2 แปลงรวม 200 ไร่ ใน หมู่ที่ 8 ต.ห้วยยูง จ.กระบี่ นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส. ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 3 จำนวน 67 แปลงและที่ดิน ภ.ท.บ. 5 จำนวน 13 แปลง 133 ไร่ และนายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ มีที่ดิน ภ.ท.บ. 5 จำนวน 2 แปลง 498 ไร่ ซึ่งน่าจะขาดคุณสมบัติของการมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด
เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายในทางทุจริตต่อหน้าที่ และขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ จากการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.ของ ส.ส.ทั้ง 3 คน กรณีเข้ารับตำแหน่งปรากฏชัดเจนว่ามีทรัพย์สินและมีรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการขัดต่อพ.ร.ฎ กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเป็นเกษตรกรปี 2535 และขัดต่อมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่กำหนดอัตรารายได้ของผู้ยากไร้ไว้ คือผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปีเท่านั้น
ดังนั้น ส.ส.ทั้ง 3 คน ถือเป็นตัวแทนประชาชนฝ่ายนิติบัญญัติย่อมรู้ตัวว่าเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติของการได้สิทธิ์ในการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. และ ภ.ท.บ. 5 มาตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่ยอมสละที่ดินดังกล่าวคืนให้รัฐ เพื่อนำไปจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เท่ากับว่าอาจมีเจตนาที่จะทุจริตต่อหน้าที่ตาม กฎหมายป.ป.ช. พ.ศ.2561 และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรงในข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 9 และยังเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลักในข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 17 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมทั่วไปในข้อ 21 ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 บัญญัติ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จะยื่นคำร้องไปยังกรมป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.). ให้เอาผิด ส.ส.ทั้งหมดที่ตนยื่นคำร้อง ต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบส.ส.เพิ่มเติมอีก 2-3 คน ที่น่าจะเข้าข่ายกรณีเดียวกัน ซึ่งตนจะเดินทางไปร้องให้ตรวจสอบในคราวเดียวกันด้วย จาก ส.ส.ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติย่อมรู้ตัว กฎหมายไม่ได้ประโยชน์ให้เข้าครอบครอง หรือเข้ามาทำกินในที่ดินของรัฐ แต่เมื่อยึดถือและครอบครอง ก็ถือว่ามีเจตนาที่จะละเมิดฝ่าฝืนกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย