ยืนยกฟ้อง “ทักษิณ” พ้นผิด ม.157 ตั้งคลังแทรกแซงฟื้นฟูทีพีไอ

ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 22 พ.ย.-  องค์คณะอุทธรณ์คดีนักการเมืองพิพากษายืน ยกฟ้อง “ทักษิณ” พ้นข้อกล่าวหา ม.157  ตั้งคลังแทรกแซงฟื้นฟูทีพีไอ   ฟังไม่ได้ว่าเอื้อประโยชน์พวกพ้อง  ขณะที่ การเสนอชื่อคนบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ เจ้าหนี้ทุกฝ่ายยินยอม  ถือว่าคดีนี้เป็นที่สิ้นสุดแล้ว


ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  สนามหลวง  วันนี้ (22 พ.ย.) องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ 9 คน  ที่เลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา    อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อธ.อม.4/2561 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.   โจทก์ยื่นอุทธรณ์คดีที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ยกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อายุ 70 ปี  อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 จำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย   ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา  157  กรณีกล่าวหาเมื่อปี 2546  นายทักษิณ  ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอให้กระทรวงการคลัง  สมัยที่ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  เข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอ  และจำเลยร่วมกับ ร.อ.สุชาติ ยินยอมให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน  และเป็นผู้เสนอชื่อ  พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เป็นประธานคณะผู้บริหารแผน   และนายทนง พิทยะ เป็นผู้บริหารแผน 

คดีนี้ ป.ป.ช. ยื่นฟ้อง นายทักษิณแบบไม่มีตัวจำเลย เมื่อปี 2561  เนื่องจากหลบหนีคดีอื่นอยู่ในต่างประเทศ   และศาลพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลย  ตามขั้นตอน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ.2560 มาตรา 28, 33, 59   ซึ่งศาลออกหมายจับนายทักษิณโดยชอบแล้ว   แต่ไม่ได้ตัวมาศาล ชั้นพิจารณาจำเลยไม่มาศาล  ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี  และเป็นสำนวนคดีแรก ในจำนวน  4 สำนวนที่อัยการสูงสุด และ ป.ป.ช. ยื่นพิจารณาคดีไต่สวนลับหลังจำเลยตาม วิ อม.ใหม่  แล้วศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง   


ขณะที่ วันนี้ มีเพียงผู้แทน ป.ป.ช.โจทก์ เดินทางมาศาล  ซึ่งศาลอ่านคำพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ฟัง และถือว่าจำเลยรับทราบคำพิพากษา 

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์   พิจารณาประเด็นที่ ป.ป.ช.โจทก์ยื่นอุทธรณ์แล้ว  เห็นว่า  แม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรง ให้อำนาจกระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนของ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย  จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ  ลูกหนี้ก็ตาม แต่กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่หลักในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ  ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะ  รวมถึง การพยุงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ให้เกิดความเสียหายมากจนยากแก่การแก้ไข 

การเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของ ทีพีไอ  ซึ่งประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ของประเทศ  ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน  หากทีพีไอไม่สามารถฟื้นฟูได้และตกเป็นผู้ล้มละลาย  กิจการเหล่านั้นอาจหยุดชะงัก ประเทศชาติและประชาชนย่อมได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้  พฤติการณ์ย่อมมีความจำเป็นอย่างยิ่งและเร่งด่วน ที่กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการ เมื่อได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือ กระทรวงการคลังจึงเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอได้


ส่วนที่ ป.ป.ช.โจทก์  อุทธรณ์ว่า นายทักษิณ จำเลย เป็นผู้ริเริ่มผลักดันสั่งการ และเป็นตัวการร่วม  รวมถึง ไม่ทักท้วงการพิจารณาของ ครม.เพื่อเปลี่ยนจากวาระเพื่อทราบ เป็นวาระเพื่อพิจารณา  มีผลให้กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอ โดยมีเจตนาครอบงำกิจการของทีพีไอ  กับเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องนั้น  ข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่า  จำเลยเชิญตัวแทนของเจ้าหนี้และผู้บริหารของทีพีไอเข้าหารือ ที่บ้านพิษณุโลก เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของทีพีไอ และการตั้งผู้บริหารแผนคนใหม่เท่านั้น   แต่ที่ประชุมเจ้าหนี้ไม่ได้เลือกกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนตามข้อเสนอของจำเลย   หลังจากนั้นจำเลยก็ไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องกับเหตุในคดีนี้  

อีกทั้ง ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่ตั้งบริษัท บริหารแผนไทย จำกัด  เป็นผู้บริหารแผน ตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้  โดยเห็นควรขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน หากกระทรวงการคลังยินยอม  ซึ่งในท้ายที่สุดที่ประชุมเจ้าหนี้และทุกฝ่ายยินยอมให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน  และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตั้งกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน ตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ส่วนข้ออ้างเกี่ยวกับการครอบงำกิจการของทีพีไอ  โดยอ้างคำกล่าว “นายอยากได้” คำว่า “นาย” หมายถึงจำเลย   ผู้ที่พูดข้อความคือ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ ไม่ใช่จำเลย จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อย   และส่วนที่จำเลยเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนของทีพีไอ  เป็นเพียงการเสนอความเห็นเบื้องต้นแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในเรื่องที่นำมาปรึกษาเท่านั้น   และจะได้รับการแต่งตั้งหรือไม่ ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายอีกชั้นหนึ่ง

เมื่อไม่ปรากฏว่า   นายทักษิณ จำเลย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอ  หรือการบริหารกิจการ   หรือเข้าไปรับโอนถือครองหุ้นของทีพีไอ   จึงรับฟังไม่ได้ว่า  การเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนของจำเลย  เป็นการเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง

สำหรับข้ออ้างที่ว่า การขายหุ้นเพิ่มทุนของทีพีไอให้แก่หน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง  และศาลฎีกามีคำพิพากษาให้กระทรวงการคลังคืนเงินค่าจ้างบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด  ที่บริหารจัดการกิจการทรัพย์สินของทีพีไอ  ให้แก่ทีพีไอ ทำให้ทีพีไอและกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายนั้น   เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอแล้ว   หากทีพีไอหรือกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายอย่างไร ทีพีไอหรือกระทรวงการคลังก็อาจไปว่ากล่าวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป  

เมื่อไม่ปรากฏในทางไต่สวนว่า จำเลยได้เข้าไปเกี่ยวข้อง  หรือรู้เห็นหรือมีพฤติการณ์ที่บ่งชี้ได้ว่า จำเลยมีเจตนาพิเศษ ประสงค์ต่อผลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น  การกระทำของจำเลย  จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ตามฟ้อง  ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  พิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว  อุทธรณ์ของ ป.ป.ช.โจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อองค์คณะผู้พิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว  ผลคดีจึงถือเป็นที่สุด  ยุติดตามขั้นตอนของกฎหมาย  โดยนายทักษิณ ไม่มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในกรณีดังกล่าว   ขณะนี้คดีดังกล่าวถือเป็นคดีเดียวที่ศาลฎีกาฯ   และองค์คณะวินิจฉัยชั้นอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนให้ยกฟ้อง

 สำหรับ 4 สำนวน ที่อัยการสูงสุด และ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องไว้ตั้งแต่ปี 2550-2551  และภายหลังยื่นขอพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลย  ตามกฎหมายใหม่ปี 2560    ประกอบด้วย คดีกล่าวหาร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร  ที่ยกฟ้อง เมื่อวันที่ 30 ส.ค.62     คดีกล่าวหาปล่อยกู้ธนาคารเอ็กซิมแบงค์ให้รัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาท   เพื่อเอื้อประโยชน์กลุ่มชินคอร์ป ให้จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา    คดีกล่าวหาดำเนินโครงการออกสลากพิเศษหวยบนดินโดยมิชอบ ให้จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา  และคดีกล่าวหาแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต  เอื้อประโยชน์ธุรกิจเครือชินคอร์ปฯ รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท ยังอยู่ในกระบวนไต่สวนพยานโจทก์       . – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

“กานต์” จากเพื่อไทย คะแนนนำ ศึกชิงนายก อบจ.อุบลฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี ล่าสุด ณ เวลา 19.30 น. “กานต์ กัลป์ตินันท์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 กกต.คาดรู้ผลไม่เป็นทางการ 4 ทุ่ม คืนนี้

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร

เชิญชวนร่วมงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025”

“กำภู-รัชนีย์” พาทัวร์งาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025” ณ ลานจอดรถ บมจ.อสมท พบปะผู้ประกาศ ดีเจ และอินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงศิลปินที่จะมาร่วมสนุกในงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟู ปาร์ตี้ 2025”