ภูเก็ต 21 พ.ย.-เจ้าหน้าที่นำร่างคนงานติดใต้ซากอาคารกำลังก่อสร้างพังถล่มภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ออกมาได้ครบแล้วทั้งหมด 7 ราย เป็นชาวไทย 4 ราย และชาวเมียนมา 3 ราย พบผู้ประกอบการไม่ได้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารกับทางเทศบาล
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์กระทั่งถึงตอนนี้สรุปเป็นเวลาร่วม 6 ชั่วโมง ที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักในการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตและนำร่างผู้ที่เสียชีวิตออกจากใต้ซากอาคารที่พังถล่มลงมาทับคนงานในพื้นที่ก่อสร้างปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งของตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดย 2 รายที่รอดชีวิต เจ้าหน้าที่ช่วยได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา เป็นชายชาวไทย 1 ราย และหญิงชาวเมียนมา 1 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตขณะนี้ชัดเจนแล้วว่ามีทั้งหมด 7 ราย เป็นชาวไทย 4 ราย และชาวเมียนมา 3 ราย
แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะนำร่างของผู้เสียชีวิตรายที่ 7 ซึ่งเป็นรายสุดท้าย ออกมาจากใต้ซากอาคารที่พังถล่มลงมาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ในพื้นที่ที่เกิดเหตุก็ยังคงมีเจ้าหน้าที่ ทั้งจากทีมกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และจากอีกหลายหน่วยที่มาช่วยกัน
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยใช้ความพยายามทุกวิถีทางในการที่จะนำร่างผู้ติดอยู่ใต้ซากแผ่นปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวอาคารที่ถล่มลงมา เริ่มตั้งแต่การใช้เครื่องมือตรวจสอบหาสัญญาณชีพ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้รอดชีวิตแล้วทั้ง 7 ราย เจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีนำเครื่องมือเจาะและค่อยๆ ตัดแผ่นปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีความหนากว่า 20 เซนติเมตร ไล่ไปทีละจุดที่พบว่ามีร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ใต้ซาก ทำแบบนี้มาตั้งแต่ในช่วง 14.00 น.ที่ผ่านมา กระทั่งผู้เสียชีวิต 2 รายแรกที่ถูกนำออกมาจากใต้ซากได้เป็นชายชาวเมียนมาทั้งคู่ สามารถนำออกมาได้ในเวลาราวๆ 16.00 น.ที่ผ่านมา ทั้งคู่ถูกพบติดอยู่บริเวณด้านข้างขอบแผ่นปูนซีเมนต์ หลังจากนั้นถัดมาอีกราวชั่วโมงสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตรายที่ 3 และรายที่ 4 ออกมาได้ ส่วนรายที่ 5 และ 6 และ 7 ล่าสุดถูกนำร่างออกมาได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อเวลาราวๆ 19.00 น.เศษที่ผ่านมา
ส่วนชื่อผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ทราบชื่อแล้วคือ นายจีระชัย วงศ์หาจักร อายุ 35 ปี นางสาวพรพิมล แวววงศ์ อายุ 21 ปี นายธวีรัตน์ เดชพันธ์ และนายกฤษณะ ขันบุตร ทั้ง 4 รายนี้เป็นคนไทย ส่วนที่เหลือ 3 รายเป็นชายชาวเมียนมา
ส่วนผู้บาดเจ็บที่ถูกช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลถลางไปแล้วก่อนหน้านี้ 2 ราย ประกอบด้วยชาวไทย 1 รายคือ นายจตุรวิทย์ หมวดสิงห์ และนางเมียว เมียว ยี ชาวเมียนมา
นายวรวุฒิ ทรงยศ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทร ระบุว่าจุดที่เกิดเหตุการณ์อาคารพังถล่ม ทางเทศบาลตำบลศรีสุนทรได้เคยส่งหนังสือให้ระงับการก่อสร้างไปแล้วเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการในนามของบริษัท ทรายสีน้ำเงิน ไม่ได้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารกับทางเทศบาลแต่อย่างใด ทั้งในส่วนของตัวอาคารที่พังถล่มทับคนงาน รวมถึงอาคารอีกหลังที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และบริเวณจุดที่มีการสร้างเป็นปั๊มน้ำมันก็ไม่ได้มีการขออนุญาตจากทางพลังงานแต่อย่างใด
ขณะที่ข้อมูลจากประธานสภาเทศบาลตำบลศรีสุนทร นายไตรรงค์ คำวิเศษ บอกว่าบริเวณที่มีการก่อสร้างอาคารและพังถล่มลงมาทับคนงานในวันนี้ เป็นอาคารส่วนที่ผู้ประกอบการกำลังดำเนินการสร้างเป็นร้านกาแฟ โดยในอดีตพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นร่องน้ำ จึงตั้งข้อสังเกตว่าหากการก่อสร้างพื้นที่ดังกล่าวไม่มีการตอกเสาเข็มที่แข็งแรงและมั่นคง อาจจะเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการทรุดตัวและพังถล่มลงมาทับคนงานจนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมขึ้นในครั้งนี้
ด้านพันตำรวจเอกธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรถลาง ยืนยันจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน และผู้เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ ไว้แล้ว หากตรวจสอบพบว่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นครั้งนี้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของใคร ผู้นั้นจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมาหรือเจ้าของกิจการ เบื้องต้นทราบว่าพื้นที่เกิดเหตุเป็นของบริษัท ทรายสีเงิน.-สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• อาคารกำลังก่อสร้างที่ภูเก็ตพังถล่ม ช่วยได้ 2 คน ไม่ทราบชะตากรรม 7 คน
• กู้แล้ว 3 ศพ เหยื่ออาคารถล่มภูเก็ต เร่งกู้อีก 4