ปักหมุดพื้นที่เสี่ยงคุกคามทางเพศกว่า 600จุดทั่วกรุง-ปริมณฑล

กทม.16 พ.ย.-ประชาชนร่วมปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการคุกทามทางเพศ ในเมืองกรุงและปริมณฑล รวมกว่า 600 จุด “มธ.รังสิต 280 หมุด เขตลุมพินี สะพานเขียว ซอยร่วมฤดี ซอยโปโล 114 หมุด” องค์กรเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เดินหน้าร่วมมือตำรวจ ภาคีเครือข่าย และประชาชน สร้างเมืองที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน  


วันนี้ (16พ.ย.) ที่ลานกิจกรรมเดอะ มาร์เก็ตแบงคอก ราชประสงค์ ภาคีเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เปิดข้อมูลพื้นที่เสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ 600 จุดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในโครงการFirst Pin “ปักหมุดจุดเผือก” พร้อมประกาศความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคีเครือข่ายในการสร้างเมืองที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน  รวมทั้งจัดเสวนาในหัวข้อเปิดดาต้าปักหมุดจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ 600 จุด รอบ กทม.และปริมณฑล สู่การแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม


น.ส.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้แทนเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง กล่าวว่า โครงการปักหมุดจุดเผือกทำงานรณรงค์เพื่อกระตุ้นให้คนในสังคมตระหนักถึงปัญหาความไม่ปลอดภัยทางเพศที่เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะและร่วมกันสอดส่องดูแลเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เช่น NECTEC ให้ใช้แอปพลิเคชัน Traffy Fondue ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปร่วมสำรวจพื้นที่สาธารณะและแจ้งจุดเสี่ยงภัยคุกคามทางเพศ โดยตั้งแต่เริ่มโครงการถึงปัจจุบัน ระยะเวลา 2 เดือน จากเป้าที่ตั้งไว้ 500 หมุด มีประชาชนปักหมุดเข้ามา 611 หมุด เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต 280 หมุด ,เขตลุมพินี สะพานเขียว ซอยร่วมฤดี ซอยโปโล 114 หมุด ,พื้นที่บริเวณเพชรบุรีซอย 5 เพชรบุรีซอย 7 , เขตบางขุนเทียน 33 หมุด, พื้นที่บริเวณ ชุมชนเคหะ ธนบุรี 3  บริเวณพระราม 2 ซอย 60 และสถานีรถไฟรางสะแก เขตมักกะสัน 32 หมุด , เขตสะพานควาย 10 หมุด ,เขตประชานิเวศน์-ประชาอุทิศ  6 หมุด เป็นต้น

ลักษณะพื้นที่ที่มีคนปักหมุดจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศมากที่สุด คือทางเดินและซอย 39 % สะพาน 16 % ริมถนน 15 %  ใต้ตึก 13 % อาคารร้าง 7% ทางเดินริมคลอง 7 % สะพานลอย 3 % สวนสาธารณะ 1 % ทางจักรยาน 1%  ขณะเดียวกันยังประมวลผลพบ 7 อันดับจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศมากที่สุด 1.จุดที่ขาดการบำรุงรักษา 23 % ไฟสว่างไม่เพียงพอ 23 % จุดอับสายตา 15 % ทางเปลี่ยว 14 % ทางแคบทางตัน 13 % ไม่มีป้ายบอกทาง 9 % ไกลจากป้ายรถเมล์ วิน สถานี 3 %


 “จากการรณรงค์ที่สะพานเขียว ได้รับความร่วมมือจากผู้กำกับ สน.ลุมพินีรับข้อมูลจุดเสี่ยงไปพิจารณา โดยรับจะเพิ่มความถี่ออกตรวจพื้นที่เสี่ยงและเพิ่มการทำงานเสริมศักยภาพอาสาสมัครตำรวจบ้านในชุมชนรอบๆ ให้สามารถตรวจตราเฝ้าระวังดูแลพื้นที่และประสานแจ้งเหตุกับตำรวจท้องที่ได้เร็วยิ่งขึ้น ในระยะยาวคาดหวังว่าหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในการดูแลพื้นที่สาธารณะต่างๆจะมีมาตรการป้องกันเฝ้าระวังอย่างจริงจังมากขึ้น และมีช่องทางสื่อสารแบบถาวรที่ประชาชนจะสามารถช่วยแจ้งข้อมูลจุดที่มีความเสี่ยงมีอันตรายต่างๆเพื่อให้เข้ามาดูแลป้องกัน โดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน” น.ส.วราภรณ์ กล่าว 

นายยศพล บุญสม ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้ง Shma Company Limited กล่าวว่า การที่ในระยะเวลา 2 เดือน ทีมเผือกมีการปักหมุดจุดเสี่ยงไปกว่า 600จุดนั้น เริ่มเห็นถึงการขยับของภาคประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงผ่านแอปพลิเคชัน ถือเป็นจุดสำคัญ เพราะเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากให้เป็นหน้าที่หน่วยงานรัฐ การมีส่วนร่วมเป็นพลังที่ดีในการแก้ไขปัญหา ซึ่งมีด้วยกัน 2 มิติ คือทางกายภาพและสังคม ที่จะคู่ขนานกันไป ทางกายภาพคือลดความเสี่ยง เช่น ติดไฟส่อง ติดกล้องวงจรปิด หรือเพิ่มการตรวจตรา ในมิติสังคมทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาในระยะยาว คือกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยรอบ ร่วมกันออกแบบว่าต้องการอะไร มีความเห็นอย่างไร เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม

 นายวสันต์ ภัทรอธิคม หัวหน้าทีมวิจัยระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) กล่าวว่าการใช้เทคโนโลยีช่วยระบุจุดเสี่ยง เพื่อไปสู่การแก้ไข เพื่อให้กรุงเทพฯเป็นเมืองปลอดภัยสำหรับทุกคน ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิต โดยเฉพาะใช้ชีวิตของสตรี เด็ก คนชรา รวมถึงประชาชนทั่วไป  ซึ่งการดำเนินงานของทีมเผือกถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก

พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า ข้อมูลของโครงการมีประโยชน์มากในการวางแผน ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนในสถานีตำรวจทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯ โดยสน.ลุมพินีจะนำไปปรับแผนการรักษาความปลอดภัยและตรวจตราความเรียบร้อย  และบางจุดจะส่งสายตรวจ ตรวจความเรียบร้อย เฝ้าระวัง ตามช่วงเวลาที่มีการแจ้งเข้ามาให้มากขึ้น อีกทั้งเห็นว่าหน่วยงานอื่นของรัฐ เช่น กรุงเทพมหานคร สามารถให้ความร่วมมือเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแล ปรับภูมิทัศน์ หรือ ติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพื่อป้องกันเหตุและสามารถติดตามคนร้าย ได้ทันท่วงที 

ผศ.ชุมเขต แสวงเจริญ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา มธ.ทำแผนส่งเสริมความปลอดภัยและสร้างความเข้าใจทางเพศ โดยตั้งคณะกรรมการที่มีผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศ ในหลากหลายสาขา พร้อมมีการประเมินพื้นที่เสี่ยงของมหาวิทยาลัยออกเป็น 4 สี 4 ระดับ คือ สีเขียว ไม่มีความเสี่ยง เหลืองจุดเฝ้าระวัง ส้ม จุดเสี่ยง และแดง จุดอันตราย ซึ่งในจุดสีเหลือง ส้ม และแดง จะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น มีการตรวจตรา ติดตั้งไฟ และจะติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ไม่ให้มีจุดบอด หรือจุดลับสายตาผู้คน 

นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนของนักศึกษา รวมทั้งยังมีระบบการดำเนินงานในกรณีก่อนเกิดเหตุ ช่วงเกิดหตุและหลังเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ช่วงเกิดเหตุได้พัฒนาระบบไอทีในการแจ้งขอความช่วยเหลือ มีสายด่วน เพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉิน และหลังเกิดเหตุ จะมีการดูแลทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ และคดีความ

น.ส.พิสชา ไทยศรีสุข สมาชิกทีมเผือก กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมเผือกนำเวลาที่ตัวเองว่างไปช่วยเหลือสังคมได้ โครงการปักหมุดจุดเผือกเป็นโครงการที่ดีนอกจากจะได้ดูแลตัวเอง ยังดูแลคนอื่นได้ด้วย เพราะทราบว่าพื้นที่ไหนเสี่ยงจะได้ระมัดระวัง โดยที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ปักหมุดจุดเผือกย่านสะพานเขียว ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้บ้าน ได้แจ้งเตือนและเป็นข้อมูลนำไปสู่การแก้ไขลดความเสี่ยงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ อดีตพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ พระอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ กล่าวคำลาสิกขา ต่อหน้าพระสงฆ์ หลังถูกคุมตัวมาสอบปากคำที่กองปราบตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา โดยการสอบปากคำ เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณตี 5 จนถึงบ่าย 3 โมง อดีตพระอลงกต ให้ความร่วมมือให้ปากคำแต่ไม่ยอมลาสิกขา กระทั่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เดินทางมาสอบปากคำด้วยตนเอง พร้อมเกลี้ยกล่อมให้อดีตพระอลงกต คิดถึงคุณงามความดี และการทำนุบำรุงพระศานาในอดีต ทำให้เจ้าตัวยอมสึกแต่โดยดี ทั้งนี้ ก่อนทำพิธีลาสิกขา อดีตพระอลงกต ยังได้เทศนาทิ้งทวนเป็นครั้งสุดท้ายนานกว่า 20 นาที โดยระบุว่า รู้สึกมีความสุข ที่ได้มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราว ที่จะเป็นการรักษาซึ่งศรัทธาของญาติโยม พุทธศาสนิกชนด้วยเหตุที่ได้ทำงานที่เป็นประโยชน์มากว่า 30 ปี ซึ่งบางครั้ง บางเรื่องมีข้อผิดพลาด อยากให้เข้าใจว่า มันมี 2 ด้าน ทั้งเรื่องทางโลก และทางธรรม ซึ่งทั้ง 2 […]

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]