กทม.16 พ.ย.-ประชาชนร่วมปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการคุกทามทางเพศ ในเมืองกรุงและปริมณฑล รวมกว่า 600 จุด “มธ.รังสิต 280 หมุด เขตลุมพินี สะพานเขียว ซอยร่วมฤดี ซอยโปโล 114 หมุด” องค์กรเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เดินหน้าร่วมมือตำรวจ ภาคีเครือข่าย และประชาชน สร้างเมืองที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
วันนี้ (16พ.ย.) ที่ลานกิจกรรมเดอะ มาร์เก็ตแบงคอก ราชประสงค์ ภาคีเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เปิดข้อมูลพื้นที่เสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ 600 จุดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในโครงการFirst Pin “ปักหมุดจุดเผือก” พร้อมประกาศความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคีเครือข่ายในการสร้างเมืองที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน รวมทั้งจัดเสวนาในหัวข้อเปิดดาต้าปักหมุดจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ 600 จุด รอบ กทม.และปริมณฑล สู่การแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม
น.ส.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้แทนเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง กล่าวว่า โครงการปักหมุดจุดเผือกทำงานรณรงค์เพื่อกระตุ้นให้คนในสังคมตระหนักถึงปัญหาความไม่ปลอดภัยทางเพศที่เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะและร่วมกันสอดส่องดูแลเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เช่น NECTEC ให้ใช้แอปพลิเคชัน Traffy Fondue ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปร่วมสำรวจพื้นที่สาธารณะและแจ้งจุดเสี่ยงภัยคุกคามทางเพศ โดยตั้งแต่เริ่มโครงการถึงปัจจุบัน ระยะเวลา 2 เดือน จากเป้าที่ตั้งไว้ 500 หมุด มีประชาชนปักหมุดเข้ามา 611 หมุด เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต 280 หมุด ,เขตลุมพินี สะพานเขียว ซอยร่วมฤดี ซอยโปโล 114 หมุด ,พื้นที่บริเวณเพชรบุรีซอย 5 เพชรบุรีซอย 7 , เขตบางขุนเทียน 33 หมุด, พื้นที่บริเวณ ชุมชนเคหะ ธนบุรี 3 บริเวณพระราม 2 ซอย 60 และสถานีรถไฟรางสะแก เขตมักกะสัน 32 หมุด , เขตสะพานควาย 10 หมุด ,เขตประชานิเวศน์-ประชาอุทิศ 6 หมุด เป็นต้น
ลักษณะพื้นที่ที่มีคนปักหมุดจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศมากที่สุด คือทางเดินและซอย 39 % สะพาน 16 % ริมถนน 15 % ใต้ตึก 13 % อาคารร้าง 7% ทางเดินริมคลอง 7 % สะพานลอย 3 % สวนสาธารณะ 1 % ทางจักรยาน 1% ขณะเดียวกันยังประมวลผลพบ 7 อันดับจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศมากที่สุด 1.จุดที่ขาดการบำรุงรักษา 23 % ไฟสว่างไม่เพียงพอ 23 % จุดอับสายตา 15 % ทางเปลี่ยว 14 % ทางแคบทางตัน 13 % ไม่มีป้ายบอกทาง 9 % ไกลจากป้ายรถเมล์ วิน สถานี 3 %
“จากการรณรงค์ที่สะพานเขียว ได้รับความร่วมมือจากผู้กำกับ สน.ลุมพินีรับข้อมูลจุดเสี่ยงไปพิจารณา โดยรับจะเพิ่มความถี่ออกตรวจพื้นที่เสี่ยงและเพิ่มการทำงานเสริมศักยภาพอาสาสมัครตำรวจบ้านในชุมชนรอบๆ ให้สามารถตรวจตราเฝ้าระวังดูแลพื้นที่และประสานแจ้งเหตุกับตำรวจท้องที่ได้เร็วยิ่งขึ้น ในระยะยาวคาดหวังว่าหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในการดูแลพื้นที่สาธารณะต่างๆจะมีมาตรการป้องกันเฝ้าระวังอย่างจริงจังมากขึ้น และมีช่องทางสื่อสารแบบถาวรที่ประชาชนจะสามารถช่วยแจ้งข้อมูลจุดที่มีความเสี่ยงมีอันตรายต่างๆเพื่อให้เข้ามาดูแลป้องกัน โดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน” น.ส.วราภรณ์ กล่าว
นายยศพล บุญสม ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้ง Shma Company Limited กล่าวว่า การที่ในระยะเวลา 2 เดือน ทีมเผือกมีการปักหมุดจุดเสี่ยงไปกว่า 600จุดนั้น เริ่มเห็นถึงการขยับของภาคประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงผ่านแอปพลิเคชัน ถือเป็นจุดสำคัญ เพราะเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากให้เป็นหน้าที่หน่วยงานรัฐ การมีส่วนร่วมเป็นพลังที่ดีในการแก้ไขปัญหา ซึ่งมีด้วยกัน 2 มิติ คือทางกายภาพและสังคม ที่จะคู่ขนานกันไป ทางกายภาพคือลดความเสี่ยง เช่น ติดไฟส่อง ติดกล้องวงจรปิด หรือเพิ่มการตรวจตรา ในมิติสังคมทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาในระยะยาว คือกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยรอบ ร่วมกันออกแบบว่าต้องการอะไร มีความเห็นอย่างไร เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม
นายวสันต์ ภัทรอธิคม หัวหน้าทีมวิจัยระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) กล่าวว่าการใช้เทคโนโลยีช่วยระบุจุดเสี่ยง เพื่อไปสู่การแก้ไข เพื่อให้กรุงเทพฯเป็นเมืองปลอดภัยสำหรับทุกคน ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิต โดยเฉพาะใช้ชีวิตของสตรี เด็ก คนชรา รวมถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งการดำเนินงานของทีมเผือกถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก
พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า ข้อมูลของโครงการมีประโยชน์มากในการวางแผน ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนในสถานีตำรวจทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯ โดยสน.ลุมพินีจะนำไปปรับแผนการรักษาความปลอดภัยและตรวจตราความเรียบร้อย และบางจุดจะส่งสายตรวจ ตรวจความเรียบร้อย เฝ้าระวัง ตามช่วงเวลาที่มีการแจ้งเข้ามาให้มากขึ้น อีกทั้งเห็นว่าหน่วยงานอื่นของรัฐ เช่น กรุงเทพมหานคร สามารถให้ความร่วมมือเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแล ปรับภูมิทัศน์ หรือ ติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพื่อป้องกันเหตุและสามารถติดตามคนร้าย ได้ทันท่วงที
ผศ.ชุมเขต แสวงเจริญ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา มธ.ทำแผนส่งเสริมความปลอดภัยและสร้างความเข้าใจทางเพศ โดยตั้งคณะกรรมการที่มีผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศ ในหลากหลายสาขา พร้อมมีการประเมินพื้นที่เสี่ยงของมหาวิทยาลัยออกเป็น 4 สี 4 ระดับ คือ สีเขียว ไม่มีความเสี่ยง เหลืองจุดเฝ้าระวัง ส้ม จุดเสี่ยง และแดง จุดอันตราย ซึ่งในจุดสีเหลือง ส้ม และแดง จะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น มีการตรวจตรา ติดตั้งไฟ และจะติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ไม่ให้มีจุดบอด หรือจุดลับสายตาผู้คน
นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนของนักศึกษา รวมทั้งยังมีระบบการดำเนินงานในกรณีก่อนเกิดเหตุ ช่วงเกิดหตุและหลังเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ช่วงเกิดเหตุได้พัฒนาระบบไอทีในการแจ้งขอความช่วยเหลือ มีสายด่วน เพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉิน และหลังเกิดเหตุ จะมีการดูแลทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ และคดีความ
น.ส.พิสชา ไทยศรีสุข สมาชิกทีมเผือก กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมเผือกนำเวลาที่ตัวเองว่างไปช่วยเหลือสังคมได้ โครงการปักหมุดจุดเผือกเป็นโครงการที่ดีนอกจากจะได้ดูแลตัวเอง ยังดูแลคนอื่นได้ด้วย เพราะทราบว่าพื้นที่ไหนเสี่ยงจะได้ระมัดระวัง โดยที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ปักหมุดจุดเผือกย่านสะพานเขียว ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้บ้าน ได้แจ้งเตือนและเป็นข้อมูลนำไปสู่การแก้ไขลดความเสี่ยงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง .-สำนักข่าวไทย