จ่อแจ้ง 2 ข้อหา “พลตรี” ฟอร์จูนเนอร์ชนแล้วหนี อ้างไม่รู้-ตกใจถูกไล่ตาม

กรุงเทพฯ 14 พ.ย.-เหตุฟอร์จูนเนอร์ชนแล้วหนีช่วงเย็นวานนี้ ตำรวจสกัดจับคนขับได้แล้ว พบเป็นอดีตทหารยศ “พลตรี” อ้างไม่รู้ขับรถเบียดผู้อื่น ส่วนที่ไม่ได้หยุดรถ เพราะตกใจกลัวที่ถูก จยย.ไล่ตามหลายคัน ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน จ่อแจ้ง 2 ข้อหา


เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Warayoot Pinjai” และเฟซบุ๊กชื่อ “ได้หมดถ้าสดชื่น ระวังจะลื่นถ้าสดจัด” โพสต์คลิปวิดีโอความยาวราว 2-3 นาที เป็นภาพพฤติกรรมสุดจัด!!! ของชายรายหนึ่งที่ขับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ โดยที่มีกลุ่มจักรยานยนต์ 4-5 คัน ขี่ไล่ตาม บีบแตรเรียกดังสนั่น ถ.สุขุมวิท พร้อมตะโกนบอกให้ “หยุดรถ” ซึ่งจับใจความได้ว่า รถยนต์คันดังกล่าวคล้ายก่อเหตุชนแล้วหนี จึงมีพลเมืองดีช่วยกันขี่รถตามไปเพื่อพูดคุย


อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ผู้ขับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์จะไม่จอดลงมาคุย แถมยังขับรถชนกลุ่มจักรยานยนต์จนได้รับความเสียหาย และขับพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนที่ยืนอยู่ โดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนถนนสุขุมวิทขาเข้า บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง มุ่งหน้าไปแยกเอกมัย พื้นที่รับผิดชอบของ สน.คลองตัน

คลิปวิดีโอนี้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น รุมประณามพฤติกรรมของชายขับรถยนต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้โพสต์ได้โพสต์ล่าสุด สามารถสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวได้แล้ว พบผู้ขับเป็นนายทหารยศนายพล


หลังจากนั้น ตำรวจ สน.คลองตัน สกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวได้แล้วที่บริเวณสถานีขนส่งเอกมัย และคนขับอ้างว่าเป็นอดีตนายทหารยศใหญ่ ก่อนที่ทั้งผู้เสียหายและอดีตนายทหารนายดังกล่าวจะเดินทางไปที่ สน.คลองตัน เพื่อเจรจาและดำเนินคดี

ด้านนายวรายุทธ ปิ่นใจ เจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ถูกชนและผู้ถ่ายคลิป เล่าเหตุการณ์ว่า เหตุเกิดขึ้นช่วงซอยสุขุมวิท 50 พบเห็นรถฟอร์จูนเนอร์ขับเบียดรถจักรยานยนต์ซีบีอาร์ ซึ่งขี่ซ้อนกันมา 2 คน แต่รถฟอร์จูนเนอร์กลับขับไปต่อ จึงขับรถติดตามบีบแตรเรียกให้รู้ว่าเบียดรถจักรยานยนต์คันอื่น แต่ไม่มีท่าทีจะหยุดรถ กระทั่งถึงแยกไฟแดง จึงจอดรถจักรยานยนต์ขวางด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อบอกให้จอดรถ แต่เหตุการณ์กลับบานปลาย โดยไม่คาดคิด

ส่วนนายอนันต์ จันทร์ภู่ คนขับรถจักรยานต์ซีบีอาร์ บอกว่า คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ขับขี่ลักษณะส่ายไปมา กระทั่งเบียดรถตัวเองจนติดขอบเกาะกลางถนน ซึ่งตัวเองเคาะกระจกรถเรียกคนขับ แต่คนขับไม่หยุดรถ จนผู้เหตุการณ์ช่วยกันขับรถติดตามเพื่อเรียกให้หยุด แต่คนขับรถยนต์ก็ไม่ยอมหยุดจนเกิดเหตุบานปลาย

ส่วน พล.ต.สุรศักดิ์ จิตต์บุญ คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ อ้างว่าไม่ทราบว่าขับรถเบียดผู้อื่น ส่วนที่ไม่ได้หยุดรถเพราะตกใจกลัวที่มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาไล่ตามหลายคัน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้น โดยพบว่าคนขับรถยนต์อาจเข้าข่ายความผิด ขับรถโดยประมาท และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของคนขับรถยนต์ ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว