กรุงเทพฯ 13 พ.ย. – บีโอไอส่งเสริมเกษตรสมัยใหม่ ยกระดับผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ สู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ เผยสถิติ 9 เดือน อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหารมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 130 โครงการ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า ขณะนี้บีโอไอ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมกิจการเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร ตลอดห่วงโซ่ของการผลิต โดยให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีระดับสูง โดยผู้ลงทุนได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 5 – 8 ปี นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมที่จะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการที่ลงทุนในการยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรสู่มาตรฐานสากล ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี จากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่ โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นแผนการลงทุน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรสู่สากล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร ISO 22000 หรือ FSSC 22000 เป็นต้น
สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหารมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 132 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 28 เป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 30,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การส่งเสริมกิจการในหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตรของบีโอไอ ครอบคลุมประเภทกิจการต่าง ๆ อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมถึงการให้การส่งเสริมการผลิตหรือบริการระบบเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming) ได้แก่ การออกแบบระบบและซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรที่เกี่ยวข้องลักษณะ System Integration โดยมีการเก็บข้อมูล แปลผล และวิเคราะห์ข้อมูล ระบบเกษตรอัจฉริยะยังช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนหรือกระบวนการผลิต เพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ เพิ่มมาตรฐานการผลิต การควบคุมคุณภาพผลผลิตได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ช่วยเพิ่มราคาผลผลิตที่ได้ให้สูงกว่าฟาร์มทั่วไป
บีโอไอส่งเสริมกิจการต้นน้ำ เช่น กิจการปรับปรุงพันธุ์พืช หรือสัตว์ กิจการปลูกไม้เศรษฐกิจ กิจการผลิตปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมีนาโน และสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ชีวภัณฑ์ เป็นต้น กิจการกลางน้ำ เช่น กิจการแปรรูปขั้นต้น กิจการผลิตเชื้อเพลิงจากวัสดุหรือผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น ส่วนกิจการ ปลายน้ำ เช่น กิจการสารสกัดจากวัตถุดิบทางธรรมชาติ กิจการผลิตหรือถนอมอาหารและเครื่องดื่ม ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย.-สำนักข่าวไทย