ธอส. 10 พ.ย.-ธอส.ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงร้อยละ
0.125 ต่อปี ตอกย้ำการเป็นสถาบันการเงินที่อัตราดอกเบี้ยเพื่อที่อยู่อาศัยต่ำที่สุดในตลาด
มีผล 13 พฤจิกายนนี้ ส่วนมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยต่ำ
มีผู้ยื่นคำขอกู้แล้ว 4,980 ราย วงเงิน 10,370 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการดำเนินงานตามนโยบายของนายอุตตม สาวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน”
จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงร้อยละ 0.125 ต่อปี
ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR)
จากร้อยละ 6.125 ต่อปี ลดลงเหลือร้อยละ 6.000 ต่อปี
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) จากร้อยละ
6.625 ต่อปี ลดลงเหลือร้อยละ 6.500
ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR)
จากร้อยละ 6.875 ต่อปี ลดลงเหลือร้อยละ 6.750 ต่อปี
กำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป
“ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยที่ต่ำที่สุดในระบบสถาบันการเงินในปัจจุบัน
และยังถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ของธนาคารในปีนี้
ภายหลังจากประกาศปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2562”นายฉัตรชัยกล่าว
ด้านเงินฝาก ธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและใบรับเงินฝากประจำประเภท
3 เดือน, 6 เดือน และ 12
เดือน ลงร้อยละ 0.10 ต่อปี
และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและใบรับเงินฝากประจำประเภท 24 เดือน, 36 เดือน และ 60 เดือน ลงร้อยละ 0.20 ต่อปี โดยให้มีผล 13 พฤศจิกายน 2562 สำหรับเงินฝากกระแสรายวัน
เงินฝากประเภทออมทรัพย์ และใบรับเงินฝากประจำประเภท 7 วัน, 14
วัน, 1 เดือน และ 2 เดือน ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ
0.10-0.25 ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1
ธันวาคม 2562
กรรมการผู้จัดการธอส. ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการปล่อยสินเชื่อตาม “มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1 – ปีที่ 3 คงที่ร้อยละ 2.50
ต่อปี กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท
ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุดจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศที่มีราคาซื้อขายไม่เกิน
3 ล้านบาทว่า ภายหลังจากที่ธนาคารเริ่มเปิดรับยื่นคำขอกู้ตามมาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันที่
24 ตุลาคม 2562 พบว่ามีลูกค้าประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด ณ วันที่
10 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.00 น. มีประชาชนยื่นคำขอกู้แล้วจำนวน 4,980 ราย วงเงิน
10,370 ล้านบาท.– สำนักข่าวไทย