กรุงเทพฯ 10 พ.ย.- ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยหลังตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ครอบครัวชาวนครศรีธรรมราช ให้ลูกหลานขายมะพร้าวเพื่อหารายได้เข้าข่ายความผิดค้ามนุษย์
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ผอ.ศพดส.ตร. เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ และติดตามผลการดำเนินการทางวินัยและงานสอบสวนในภาพรวมในพื้นที่ตำรวจภูธร ภาค 8 ณ ห้องประชุมชั้น 4 สภ.เมืองภูเก็ต โดยในส่วนของคดีเด็กขายน้ำมะพร้าวในเขต ภ.จว.ภูเก็ต ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียดแล้วเห็นว่าเข้าองค์ประกอบความผิดฐานค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานเด็ก จากนั้นได้สั่งการให้มีการคัดแยกเหยื่อใหม่เนื่องจากครั้งแรกเด็กยังอยู่ในภาวะที่ไม่พร้อมต่อการให้ข้อมูล สั่งให้มีการกล่าวโทษเพิ่มเติมในข้อหาค้ามนุษย์โดยมอบหมายให้คณะทำงาน TATIP สนับสนุนพนักงานสอบสวนท้องที่ในเรื่องการทำคำให้การผู้กล่าวหาเพิ่มเติมและการทำคำร้องขอหมายจับ ผู้ต้องหาต่อศาล
สำหรับเรื่องวินัย ได้สั่งให้ ผบก.ภ.จว. ทุก จว.ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการทางวินัยโดยมี รอง ผบก.ภ.จว. เป็นหัวหน้า เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือให้การดำเนินการทางวินัยเสร็จสิ้นไปโดยเร็วต่อไปด้วย
คดีนี้ถูกเปิดเผยโดยสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังได้รับการน้องเรียนจากนายวัชชิระ พูลช่วย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที 40/136 ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมญาติ ๆ เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากกรณีที่นายวัชชิระ นำเด็ก ๆ ซึ่งเป็นญาติ ๆ และลูกหลานของคนในชุมชนอายุระหว่าง 12-17 ปีเดินทางไปขายน้ำมะพร้าวเพื่อหารายได้เสริมช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวในช่วงปิดเทอมตามแหล่งชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต แต่ถูกเจ้าหน้าที่ พม.จังหวัดภูเก็ตจับกุม โดยระบุว่าเป็นการค้ามนุษย์และใช้แรงงานเด็กโดยผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หลังจากคุมตัวตนพร้อมเด็ก จำนวน 5 คนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ภูเก็ต ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับตนและปล่อยตัวตนมาชั่วคราวแต่ทางเจ้าหน้าที่ พม.ได้กัดตัวเด็ก ๆ ทั้ง 5 คนเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา
นายวัชชิระ พูลช่วย กล่าวว่า ตนอยู่กินกับภรรยามีบุตรด้วยกัน 2 คน ๆ โต อายุ 3 ขวบเศษและคนสุดท้องอายุ 1 ขวบเศษ ครอบครัวของตนมีฐานะยากจนโดยตนยึดอาชีพขายน้ำมะพร้าวตามแหล่งชุมชนและตามร้านอาหาร สถานบันเทิงรวมทั้งตามตลาดนัดในจังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาได้มีเด็กทั้ง 5 คนซึ่งเป็นญาติตนและลูกหลานของเพื่อนบ้านในชุมชน ซึ่งทุกคนมีปัญหาทางครอบครัวโดยเฉพาะพ่อแม่แยกทางกัน อาศัยอยู่กับปู่ ย่า ป้า ลุง น้า อา ที่สำคัญทุกคนมีฐานะยากจน ได้มาช่วยเหลือตนขายน้ำมะพร้าวและตนได้ให้ค่าตอบแทนครั้งละ 100-200 บาทนำไปช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว จนกระทั่งเมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาการขายน้ำมะพร้าวในจังหวัดนครศรีธรรมราชขายไม่ดี รายได้ลดลง ตนจึงคิดที่จะไปขายในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ในขณะที่พ่อแม่และญาติ ๆ ของเด็กทั้ง 5 คนได้มาขอร้องให้ตนนำเด็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงปิดเทอมไปช่วยขายน้ำมะพร้าวด้วยจะได้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวและนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม .-สำนักข่าวไทย