ไทยคม ร่วมมือ ปตท.สผ. ส่งบริษัทในเครือ พัฒนานวัตกรรมโดรนเพื่อการเกษตร

นนทบุรี  5 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการดาวเทียมไทย เปิดเผยว่า บริษัท ไทย
แอดวานซ์ อินโนเวชั่น จำกัด (ไทย เอไอ) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บมจ.ไทยคม ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ
บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) บริษัทย่อยของ บริษัท
ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.
เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนเพื่อใช้ในงานเกษตรกรรม
ชูจุดเด่นในการออกแบบโดรนให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะสม ใช้งานง่าย
และมีระดับราคาที่เกษตรกรและผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้
มุ่งเสริมประสิทธิภาพให้แก่ภาคเกษตรกรรมของไทย



โดยประเทศไทยเป็นประเทศซึ่งเกษตรกรรม
ซึ่งผลผลิตทางการเกษตรมีการส่งออกมากที่สุดและช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างมหาศาล
แต่เกษตรกรไทยกลับต้องเผชิญกับปัญหาทั้งด้านต้นทุนการผลิตที่สูงและการขาดแคลนแรงงาน
ความท้าทายดังกล่าวจึงเป็นจุดกำเนิดความร่วมมือของ
2
องค์กร ที่ต้องการเห็นประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านการเกษตร
เพราะเป็นอาชีพหลักของคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย โดยอาศัยการพัฒนาด้านเทคโนโลยี
โดยเฉพาะโดรน เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงาน และยกระดับผลผลิตด้านการเกษตร
ช่วยลดต้นทุนเกษตรกร และส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของไทยโดยรวม



นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยคม กล่าวว่า
กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจใหม่ของไทยคม
จะเน้นการพัฒนาบริการใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเดิมและขยายไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่
ผ่านการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือ คือ ไทย เอไอ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า
ปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้บริษัทประสบความสำเร็จในการก้าวสู่การดำเนินธุรกิจใหม่
ย่อมมาจากความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมและเทคโนโลยี
ดังเช่น เออาร์วี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ปตท.สผ. ซึ่งไทย เอไอ และเออาร์วี
มีความต้องการคล้ายกันที่จะแก้ปัญหาของภาคเกษตรกรรมของไทย
จึงได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนา และต่อยอดเทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร
ให้เกิดเป็นแพลตฟอร์มบริการครบวงจร รองรับการใช้งานที่ง่าย สะดวก ราคาสมเหตุสมผล
และตรงกับความต้องการของเกษตรกรให้มากที่สุด เราอยากเห็นเกษตรกรไทย
มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายธนา สราญเวทย์พันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท
เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) กล่าวว่า เออาร์วี
ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับไทย เอไอ
ซึงมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจตรงกัน คือ
การพัฒนาเทคโนโลยีที่จะตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่
และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรม เออาร์วีเชื่อมั่นว่า
ด้วยความเชี่ยวชาญในการออกแบบทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ประกอบกับความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนเพื่อใช้ในการเกษตรอัจฉริยะ
จะช่วยส่งเสริมให้ไทย เอไอ สามารถขยายธุรกิจและประสบความสำเร็จต่อไปได้ในอนาคต
และมั่นใจว่าจะช่วยส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี



ทั้งนี้ สำหรับบริษัท ไทย แอดวานซ์ อินโนเวชั่น
จำกัด (ไทย เอไอ) หนึ่งในเครือ บมจ. ไทยคม ให้บริการด้าน
TV Solution และ
Business TV โดยพัฒนาระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม, โครงข่ายโทรทัศน์
และระบบไอพีทีวีแบบครบวงจร พร้อมบริการแบบ
Turnkey solution ที่ปรับเปลี่ยนบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า
เพื่อการแข่งขันในยุคดิจิทัล
4.0


ขณะที่บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด
(เออาร์วี) เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
หรือ ปตท.สผ. ให้บริการด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์แก่ธุรกิจที่หลากหลาย
และเป็นแพลทฟอร์มเพื่อการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เออาร์วี
ได้พัฒนาและอยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีและหุ่นยนต์สำหรับการปฏิบัติงานทั้งบนบก
ในทะเล และทางอากาศ เช่น หุ่นยนต์ใต้น้ำอัตโนมัติไร้สาย (
Inspection-class
Autonomous Underwater Vehicle – IAUV) สำหรับตรวจสอบอุปกรณ์ใต้น้ำได้โดยอัตโนมัติ
หุ่นยนต์ซ่อมบำรุงท่อใต้น้ำ (
Subsea Flowline Control and Repair Robot –
SFCR) ตัวแรกของโลก หุ่นยนต์ตรวจสอบภายในท่อ (In-pipe
Inspection Robot – IPIR) และอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial
Vehicle – UAV) หรือโดรน สำหรับตรวจสอบอุปกรณ์ในที่สูง
ถ่ายภาพทางอากาศ รวมทั้ง โดรนแปรอักษร.-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]