กรุงเทพฯ 4 พ.ย.-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความสำเร็จที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ การประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 35 ในปีนี้ โดยเฉพาะในส่วนของเสาหลักด้านเศรษฐกิจ ที่ตนได้ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
ประเทศไทยได้มีความพยายามที่จะผลักดันประเด็นสำคัญใน
3 เรื่องใหญ่ คือ 1 การเตรียมการรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
หรือที่เรียกว่า 4IR กับ ประเด็นที่ 2 คือ
เรื่องความเชื่อมโยงในระหว่างภูมิภาคอาเซียน
โดยเฉพาะการส่งสินค้าเข้าออก ให้สามารถอำนวยความสะดวกโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นด้านหลัก
รวมทั้งในเรื่องที่ 3 คือ
เรื่องของการเดินหน้าไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะการประมง
3 เรื่องนี้ มี 13 เรื่องย่อย จนถึงวันนี้สามารถผลักดันไปสู่ความสำเร็จแล้ว 10
ประเด็น เหลือค้างอยู่ 3 ประเด็น ซึ่งคาดว่า 3 ประเด็นนี้ คือ เรื่อง ASEAN Single Window การส่งสินค้าเข้าออก โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ต้องมีการตรวจซ้ำซ้อน ทำให้การส่งสินค้าข้ามแดนผ่านด่านเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
ไม่ต้องใช้เอกสาร แต่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์
และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในการอนุมัติการค้าผ่านแดนได้อย่างรวดเร็ว
กับเรื่องแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของอาเซียน ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพ
และคาดว่าจะจบสิ้นในปีนี้ และอีกเรื่อง คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยใช้อาหารเป็น
ตัวดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้ง3 เรื่องที่ค้างอยู่
มั่นใจว่าจะเสร็จสิ้นในปีนี้ความสำเร็จโดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ
“สามารถเรียนได้ว่า
สามประเด็นหัวข้อหลักๆ 13
ประเด็นย่อยนี้ก็จะสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมเสร็จสิ้น ก่อนที่จะส่งมอบการเป็นเจ้าภาพให้กับประเทศเวียดนาม ดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของการลงนามในพิธีสารต่างๆ ที่มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากขึ้น
เช่น การปรับปรุงในเรื่องของการค้าและบริการของอาเซียน ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับหลักการของ WTO การปรับปรุงข้อตกลงในเรื่องของการลงทุน ให้มีความทันสมัยมากขึ้น การลงนามในพิธีสารว่าด้วยกลไกปรับปรุงการระงับข้อพิพาทของอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับหลักของ
WTO เช่นเดียวกัน
คือมีการปรับปรุงกลไกการระงับข้อพิพาทให้มีความชัดเจนมากขึ้น ของนักลงทุนทางการค้า
นี่คือความสำเร็จในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพส่วนของเศรษฐกิจ “นายจุรินทร์กล่าว
สำหรับ
RCEP หรือ
รัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 ได้มีการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
16 ประเทศโดยตนได้ทำหน้าที่เป็นประธานและได้มีการหารือกัน สุดท้ายได้มีความเห็นร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีคือมีความเห็นร่วมกัน
ที่จะให้นำแถลงการณ์ร่วม 16 ประเทศ เข้าสู่ที่ประชุมในช่วงเย็นวันนี้เพื่อพิจารณาในครั้งสุดท้าย และนายกฯของไทย จะเป็นผู้แถลงรายละเอียดให้ทราบต่อไป
สำหรับการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนปี
2561 มีมูลค่า 113,792 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี
2560 ร้อยละ 12.91 โดยไทยส่งออกไปอาเซียนปี 2561 มูลค่า 68,545 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 45,247
ล้านดอลลาร์ญสหรัฐ โดยไทยเกินดุล 23,298 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และการส่งออกของไทยไปอาเซียนในปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27
ของการส่งออกทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย