เอ็มกราบขอขมาญาติเศรษฐินี-สำนึกผิด

เชียงใหม่ 1 พ.ย.-คดีสยองฆ่าเศรษฐินีแล้วยัดศพในตู้เย็นที่เชียงใหม่ คลี่คลายและชัดเจนมากขึ้น หลังจับกุมนายเอ็ม ผู้ต้องหาที่ลงมือฆ่าเพียงลำพัง เพราะต้องการทรัพย์สินของผู้ตาย โดยบอกว่ารู้สึกเสียใจและสำนึกผิดแล้ว 


เมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายเอ็มมาในห้องแถลงข่าว นายเอ็มได้ก้มกราบขอขมาและร่ำไห้กับญาติของผู้เสียชีวิตบอกว่ารู้สึกเสียใจและสำนึกผิด แม้จะรู้ว่าไม่สามารถชดใช้ลบล้างเวรกรรมจากสิ่งที่ได้ทำลงไปได้ พร้อมเผยว่าสาเหตุที่ลงมือเพราะประสงค์ต่อทรัพย์ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเงิน โดยได้เงินไป 1.7 ล้านบาท และใช้ไปเหลือ 1.2 ล้านบาท


นายเอ็มรับสารภาพว่า ก่อนก่อเหตุได้มานั่งคิดทั้งคืนบริเวณหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ ว่าจะก่อเหตุดีหรือไม่ ลังเลอยู่ทั้งคืนในการตัดสินใจ แต่ในที่สุดความชั่วก็ชนะเลยตัดสินใจไปหาผู้ตายช่วงเช้าตรู่ โดยไปเคาะประตูบ้านของผู้ตาย เมื่อผู้ตายเปิดประตูบ้าน จึงใช้กำลังบังคับให้ผู้ตายบอกรหัสบัตรเอทีเอ็ม จากนั้นทำร้ายผู้ตายจนสลบและไปทดสอบรหัสผ่านบัตรเอทีเอ็ม จนแน่ชัดว่าใช่ จึงย้อนกลับมาหาผู้ตายพบยังหายใจอยู่ จึงเอาถุงดำครอบศีรษะและใช้เทปใสพัน พร้อมมัดมือและเท้าผู้ตายไว้ ก่อนใส่ตู้เย็นและเทปูนซ้ำ

“ตอนเอาศพคนตายยัดตู้เย็น ผมกลัวมาก ไม่เคยทำมาก่อน ตอนแรกคิดว่าจะเอาศพไปทิ้งในป่า แต่ไม่กล้าเอาออกไป ผมได้ขอโทษญาติคนตายไปแล้ว รู้ว่าคำขอโทษไม่มีประโยชน์ก็เสียใจกับการกระทำ ตอนแรกผมคิดว่าจะขี่รถจักรยานยนต์มา จ.เชียงใหม่ เพื่อมาหาลูกเมียและจะเข้ามอบตัวกับตำรวจ แต่ก็มาถูกจับกุมก่อน ส่วนสาเหตุที่ต้องทำเพราะมีปัญหาเรื่องเงิน สำหรับรถของผู้ตายนั้นได้นำไปฝากเพื่อน บอกกับเพื่อนว่าเป็นรถของเจ้านาย และให้เพื่อนนำไปซ่อนไว้ให้ดี โดยโกหกว่าเจ้านายกลัวเมียหลวงจะมาเห็น เพื่อนจึงได้รับฝากรถไว้” นายเอ็มเปิดปาก


พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เผยว่าจากการสอบสวนนายเอ็มให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา สำหรับพฤติกรรมของนายเอ็มได้รู้จักกับผู้ตาย โดยผู้ตายมีความไว้เนื้อเชื่อใจจ้างให้ขับรถไปรับส่งซื้อของให้ เวลามาปฏิบัติธรรมที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง ก่อนเกิดเหตุนายเอ็มได้ไปหาผู้ตายที่บ้าน โดยได้ไปกดกระดิ่งและเคาะประตูหลายครั้ง แต่ผู้ตายไม่เปิด นายเอ็มจึงเดินอ้อมไปเคาะประตูข้างอาคาร เมื่อผู้ตายมาเปิดให้ นายเอ็มจึงชกเข้าที่หน้าของผู้ตายและบังคับให้เอาบัตรเอทีเอ็มมาให้พร้อมบอกรหัส เมื่อนายเอ็มได้บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบและรหัส จากนั้นนายเอ็มได้ชกผู้ตายจนสลบและมัดมือมัดเท้าไว้ พร้อมปิดปากไม่ให้ส่งเสียง

เมื่อนายเอ็มได้บัตรเอทีเอ็ม จึงลองออกมากดเงิน เมื่อพบว่ากดเงินได้เลยย้อนกลับมาอีกครั้ง โดยก่อนมาถึงบ้านได้แวะซื้อถุงดำและปูนมาด้วย ตอนนั้นพบว่าผู้ตายยังหายใจอยู่ นายเอ็มจึงใช้ถุงดำครอบศีรษะผู้ตายและใช้เทปพันซ้ำบริเวณปากถุงจนผู้ตายเสียชีวิต จากนั้นนำศพผู้ตายใส่ในตู้เย็น โดยเอาของในตู้เย็นออกจนหมดแล้วเทปูนทับ พร้อมเสียบปลั๊กตู้เย็น เพื่ออำพรางศพ จากนั้นได้ขับรถหรูของคนตายไปตระเวนกดเงินรวมแล้วกว่า 1.7 ล้านบาท

ผู้บัญชการตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่น เชื่อว่านายเอ็มลงมือเพียงลำพัง เพราะมุ่งหวังชิงทรัพย์ หลังฆ่าเหยื่อแล้วจึงคิดหาวิธีที่จะอำพรางศพเพื่อหลบหนีความผิด

หลังจากที่นำตัวสอบปากคำ อย่างละเอียดแล้วตำรวจได้นำตัว นายเอ็มไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพในส่วนของการใช้รถยนต์ของผู้ตาย ในการหลบหนี และตระเวนนำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตาย ไปกดเงินในพื้นที่ต่างๆ ก่อนจะนำไปฝากกับเพื่อน ที่รับจำนำไว้ อ้างว่าเป็นรถของเจ้านาย เมื่อเป็นข่าวดัง เพื่อนจึงนำรถไปจอดทิ้งไว้ในป่าละเมาะที่อำเภอสารภี และถอดป้ายทะเบียนไปทิ้งไว้ในห้องน้ำสถานีรถไฟเชียงใหม่ ส่วนตัวนายเอ็มขึ้นเครื่องบิน พาแฟนสาวไปเที่ยวเกาะเสม็ดก่อนหลบหนี ซึ่งตลอดการชี้จุดทำแผน มีพี่ชายของเจ๊วรรณ คอยติดตามการทำแผนอย่างใกล้ชิด จากนั้นตำรวจควบคุมตัวนายเอ็มไปฝากคุมขัง ที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ซึ่งนายเอ็มได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยอีกครั้ง โดยขอโทษญาติผู้เสียชีวิต รวมทั้งอดีตภรรยา ขอให้ดูแลลูกให้ดี ส่วนตัวเองยอมชดใช้กรรมกับสิ่งที่ได้ลงมือทำลงไป   

พ.ต.ท.สถิตชัย นิตยวัน สารวัตรฝ่ายป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจแม่ปิง จ.เชียงใหม่ บอกว่า ต้องเพิ่มความถี่ในการดูแลและให้ผู้ต้องขังช่วยดูแลนายเอ็มด้วย รวมทั้งมีกล้องวงจรปิด คอยสอดส่องตลอด เนื่องจากผู้ต้องขังเครียด คาดว่าตำรวจจะนำตัวนายเอ็ม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• คุม “เอ็ม” ทำแผนฯ หนี-ตระเวนกดเงิน หลังสังหารโหดเศรษฐินี

• “เอ็ม” มือฆ่าเศรษฐินียัดตู้เย็น สารภาพหมดเปลือก

• เปิดไทม์ไลน์คดีฆ่าเศรษฐินียัดตู้เย็น

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

รวบเจ้าของหอพักโหดย่านรังสิต ข้อหากรรโชกทรัพย์

ปทุมธานี 28 พ.ค. – ตำรวจปทุมธานี บุกรวบเจ้าของหอพักย่านรังสิต พร้อมครอบครัว ข้อหากรรโชกทรัพย์ หลังมีนักศึกษาแจ้งความร้องทุกข์ว่า เจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจปทุมธานี นำหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 27 พ.ค. ในข้อหากรรโชกทรัพย์ เข้าจับกุม พ.ต.อ.พูลศักดิ์ อายุ 64 ปี นางพัชรียา อายุ 56 ปี และนางสาวพูลชนก อายุ 28 ปี ที่หอพักใน 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากกรณีมีนักศึกษากว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต และเจ้าหน้าที่ สคบ. ว่าเจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกายนักศึกษา ยึดเอกสารหลักฐานทางราชการ ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน บางจังหวะการจับกุมจะเห็นได้ว่ามีการโต้เถียงกันและมีการขัดขืน แต่สุดท้ายต้องยอมจำนนต่อหมายจับ พล.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ตำรวจขอหมายจับจากศาลไป 3 […]

คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสี อบต.เกาะสะท้อน อส.-ครู เจ็บ 4

นราธิวาส 28 พ.ค. – คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสีต้านยาเสพติด อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดนบาดเจ็บ 3 คน ครูบาดเจ็บ 1 คน ส่วนเหตุคนร้ายยิงใส่ป้อมหน้า สภ.จะแนะ ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย เจ็บ 1 นาย เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่าคนร้าย คนร้ายชุดสีดำเดินถือปืนเข้ามาในลานกีฬาเซปักตะกร้อ งานแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด อบต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จากนั้นรัวยิงชุดแรก 4 นัด คนที่ร่วมแข่งขันพากันวิ่งหลบหนี จากนั้นคนร้ายรัวยิงอีก 3 นัด ซึ่งภาพหลุดจากวิถีกล้องไปแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 4 คน ประกอบด้วย 1.นายสุกรี ครูโรงเรียนบ้านเกาะสะท้อน 2.อาสารักษาดินแดนฮัมดานุดดีน 3.อาสารักษาดินแดนมุสลิม และนายไซนุดดิน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลตากใบ สอบสวนทราบว่าคนร้าย 6 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ 3 คัน ขี่เข้ามาโดยปะปนกับประชาชน และก่อเหตุยิงผู้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดจนมีผู้บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุนายอำเภอตากใบลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บ […]

นายกฯ ยกหูคุย “ฮุน มาเนต” คลี่คลายเหตุปะทะชายแดน

รัฐสภา 28 พ.ค.- นายกฯ รับทราบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เผยยกหูคุยตรง “นายกฯ ฮุน มาเนต” ให้สถานการณ์คลี่คลายเร็วที่สุด ปัดตอบกรณี “ทักษิณ” ประกาศสงครามกับว้าแดง-สถานการณ์ใต้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ในเวลา 17.40 น. ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ได้รับรายงานแล้ว และจะมีการพูดคุยกันของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ส่วนตนเองได้พูดคุยกับกระทรวงกลาโหมแล้ว ซึ่งเดี๋ยวก็คงมีข้อตกลงกันออกมา ขณะเดียวกัน ตนเองก็ได้มีการพูดคุยกับ พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย ไม่มีอะไร ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก ส่วนจะมีการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสองประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับนายกฯ กัมพูชา ก็เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามกับว้าแดง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ในวันนี้ […]

ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคาม หลังพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดน

กองทัพอากาศ 28 พ.ค.- ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคามต่อประเทศ หลังตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.03 น. กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง จากหน่วยบิน กองบิน 4 ปฏิบัติภารกิจการบินป้องกันทางอากาศ วิ่งขึ้นจากสนามบินตาคลี หลังหน่วยควบคุมอากาศยานและแจ้งเตือน ตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เครื่องบินต้องสงสัยลำดังกล่าว เป็นอากาศยานสมรรถนะสูงแบบ YAK-130 มีทิศทางบินมุ่งเข้าสู่เขตแดนไทยในระยะใกล้ กองทัพอากาศ จึงสั่งการบินพิสูจน์ทราบและแสดงท่าทีป้องปราม ตามมาตรการปกติ เพื่อเฝ้าระวังและยืนยันสถานการณ์ จากการติดตามพบว่า เครื่องบินดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศทางและออกจากเขตใกล้ชายแดนไทย ในเวลา 13.16 น. โดยไม่แสดงพฤติกรรมรุกราน หรือมีเจตนาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด “กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปกติในการเฝ้าระวังป้องกันน่านฟ้า ซึ่งกองทัพอากาศดำเนินการอย่างเข้มแข็งและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ประชาชน” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว ทั้งนี้ […]