พบเบาะแสคนร้ายนำบัตรเอทีเอ็มเศรษฐินีตระเวนกดเงิน

เชียงใหม่ 28 ต.ค. – ตำรวจเร่งสืบสวนหาพยานหลักฐานล่าตัวคนร้ายฆ่าโหดเศรษฐินียัดตู้เย็น ในบ้านพัก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ล่าสุดพบเบาะแสคนร้ายมีอย่างน้อย 2 คน นำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายตระเวนกดเงินแล้วกว่า 1 ล้านบาท


ความคืบหน้าเหตุ น.ส.วรรณี จิระเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เศรษฐินีจากกรุงเทพมหานคร ถูกฆ่าก่อนใช้ถุงคลุมศีรษะ เทปกาวพันรอบตัว ปิดปาก และพันเท้า อย่างเหี้ยมโหด ยัดไว้ในตู้เย็นที่ยังเสียบปลั๊กทำความเย็นไว้ บริเวณชั้นล่างของอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เลขที่ 90/3 หมู่บ้านหลวง ในซอยเยื้องกับวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ โดยบ้านเกิดเหตุผู้ตายซื้อไว้เมื่อ 4-5 เดือนก่อน ราคาหลายล้านบาท และใช้พักอาศัยระหว่างมาปฏิบัติธรรมที่วัดพระธาตุศรีจอมทองฯ ขณะที่ญาติไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา  


นายประเสิรฐ์ นันต๊ะเจริญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง ซึ่งบ้านพักอยู่ตรงข้ามกับบ้านเกิดเหตุ บอกว่า ผู้ตายไม่สุงสิงกับใคร แต่เป็นคนใจดี แต่ละวันผู้ตายจะไปซื้อกับข้าว และพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน ช่วงบ่ายก็จะไปวัดปฏิบัติธรรม และนายประเสิรฐ์ ซึ่งรับสร้างบ้านให้ผู้ตาย ติดต่อไลน์กับผู้ตายเรื่องงาน โดยผู้ตายตอบว่า จะเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ต่างประเทศเป็นเวลา 3 เดือน และส่งข้อความทางไลน์หาเพื่อนว่าจะไปเวียดนาม คาดว่าโทรศัพท์ของผู้ตายน่าจะอยู่กับคนร้าย จากการตรวจสอบยังพบรถเก๋งของผู้ตายหายไป ขณะนี้ชุดสืบสวนตำรวจภาค 5 แบ่งหน้าที่หาเบาะแสคนร้ายอย่างเร่งด่วน ล่าสุดพบเบาะแสของกลุ่มคนร้าย คาดว่ามีอย่างน้อย 2 คน นำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปกดเงินแล้วกว่า 1 ล้านบาท


นี่เป็นภาพคาดว่าเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ขณะนำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปตระเวนกดเงิน ทั้งที่ อ.ฮอด และตัวเมืองเชียงใหม่ หลายครั้ง รวมเงินที่กดไปแล้ว 1.2 ล้านบาท ชุดสืบสวนตรวจสอบภาพวงจรปิดตามเส้นทาง พบรถยนต์ของผู้ตายถูกขับออกจากบ้านที่เกิดเหตุ และแวะกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ที่ อ.ฮอด จากนั้นไปเชียงราย ลำปาง และวนกลับมาเชียงใหม่ และยังพบมีการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มหลายครั้ง และพบชายอีกคนขับรถยนต์ของผู้ตายอยู่ย่านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะนี้กำลังไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบหารถยนต์และร่องรอยของคนร้าย

ขณะที่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบสภาพศพน่าจะเป็น น.ส.วรรณี แต่ยังต้องรอการตรวจพิสูจน์ทางการแพทย์ เพื่อยืนยันตัวตน และยังพุ่งเป้าไปที่การฆ่าชิงทรัพย์

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สิน พบโทรศัพท์มือถือและรถยนต์ของผู้ตายหายไป ตำรวจฝ่ายสืบสวนเร่งสืบสวนหาพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบตัวคนร้าย ส่วนสาเหตุยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง และรอผลการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง