ปัตตานี 23 ต.ค. – การลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือด้วยระบบยืนยันตัวตน ในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งบังคับให้ผู้ใช้บริการเลขหมายเดิมที่เปิดใช้งานอยู่แล้วต้องไปลงทะเบียนด้วยการสแกนใบหน้า แตกต่างจากพื้นที่อื่นที่จะลงทะเบียนเฉพาะผู้ที่เปิดเบอร์ใหม่ ทำให้คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้บางส่วนกังวลใจและเรียกร้องให้ทบทวนมาตรการนี้
เสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้บางส่วนที่ยังไม่มั่นใจต่อมาตรการลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยระบบยืนยันตัวตน 2 แชะอัตลักษณ์ สแกนใบหน้า ที่แม้ในวันนี้ยังมีความกังวลใจ แต่จำเป็นต้องลงทะเบียน เพราะเกรงถูกระงับให้บริการในวันที่ 1 พ.ย.นี้
อาจารย์เอกรินทร์ ต่วนศิริ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นหนึ่งในผู้ที่ยังไม่ลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยระบบยืนยันตัวตน ให้เหตุผลว่า ข้อมูลจากรัฐไม่ชัดเจนเพียงพอ โดยเฉพาะมาตรการรักษาความปลอดภัยการจัดเก็บข้อมูลของผู้ลงทะเบียน ซึ่งอาจถูกนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ การเมือง หรืออื่นใดที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม
ข้อมูลจาก กสทช. เขต 41 ที่ระบุว่าจำนวนผู้ลงทะเบียนซิมการ์ดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการประมาณการ 1.5 ล้านเลขหมาย มีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 625,094 เลขหมาย และอีกกว่าครึ่งหนึ่งหรือกว่า 700,000 เลขหมาย ยังไม่ได้ดำเนินการ อาจารย์เอกรินทร์ มองว่ารัฐควรต้องทบทวนขยายเวลาในการบังคับใช้ออกไป เพื่อชี้แจงและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่
ขณะที่ กสทช. ยืนยันว่าการจัดเก็บข้อมูลเป็นไปอย่างรัดกุม โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเครือข่ายมือถืออย่างปลอดภัย เพื่อปกป้องรักษาสิทธิ์ของผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่โครงข่าย 5G ซึ่งจะเป็นโครงข่ายขนาดใหญ่ การลงทะเบียนยืนยันตัวตนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประโยชน์ของทุกคน
เหลือเวลาไม่ถึง 10 วัน ที่ กอ.รมน.ภาค 4 จะบังคับใช้กฎหมายตามประกาศมาตรการจัดระเบียบการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งจะเริ่มระงับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งต้องติดตามว่ารัฐจะมีมาตรการอย่างไร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน. – สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
►เร่งลงทะเบียนซิมการ์ดชายแดนใต้ ก่อน 1 พ.ย.นี้