ขบวนการจ้างหญิงไทยขนยาเสพติดไปญี่ปุ่น

กทม. 21 ต.ค.-ป.ป.ส. เตือนหญิงไทยระวังตกเป็นเหยื่อให้ขนยาเสพติดไปต่างประเทศ โดยเมื่อเดือนกันยายน เจ้าหน้าที่ศุลกากรสนามบินฟูกูโอกะ ญี่ปุ่น จับหญิงไทย 7 คน หลังถูกว่าจ้างโดยผู้ค้ายาเสพติดผิวสี ให้ขนยาไอซ์น้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม เพื่อไปส่งลูกค้า ได้ค่าตอบแทนครั้งละหลักหมื่นบาท แต่ถ้าหากโดนจับได้มีโทษหนัก และถูกห้ามเข้าประเทศตลอดชีวิต

ยาไอซ์ที่ถูกมัดเป็นก้อนกลมๆ แล้วพันด้วยพลาสติกใสและถุงยางอนามัย น้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม คือยาเสพติดของกลางที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำท่าอากาศยานฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ตรวจพบในร่างกายของหญิงไทยทั้ง 7 คน ที่ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ แต่แสดงท่าทางพิรุธ จนเจ้าหน้าที่เรียกตรวจค้น ก่อนจะยอมรับว่าลักลอบขนยาเสพติดเข้ามา เพื่อส่งต่อให้ชาวต่างชาติในญี่ปุ่น โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน และถือเป็นรายล่าสุดที่ถูกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นควบคุมตัวไว้ได้

รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ระบุว่าตลอด 5 ปีมานี้ มีคนไทยถูกจับในคดีลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศญี่ปุ่นแล้ว 93 คดี รวมผู้ต้องหา 114 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่จะซุกซ่อนยาเสพติดในสัมภาระอย่างกระเป๋า หรือซ่อนไปในร่างกาย เช่น กลืนลงท้อง หรือสอดผ่านทางทวารหนักและช่องคลอด ซึ่งจากการขยายผลก็พบว่าหญิงไทยเหล่านั้นส่วนใหญ่สมัครใจจะทำหน้าที่นี้ โดยถูกชักชวนจากชาวต่างชาติผิวสี และจะได้ค่าตอบแทนครั้งละหลักหมื่นบาท


ข้อมูลจากการขยายผลคดียาเสพติดผ่านทางอากาศยาน พบว่าขบวนการเหล่านี้จะแบ่งหน้าที่ทำงานกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่มีผู้ขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะส่งต่อให้กลุ่มที่ทำหน้าที่ลักลอบขนไปประเทศที่ 3 ตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ส่วนใหญ่เป็นยาบ้า เฮโรอีน โคเคน และไอซ์ โดยประเทศปลายทางนอกจากญี่ปุ่นแล้ว ยังมีนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อิสราเอล เกาหลีใต้ ไต้หวัน และฟิลิปปินส์

รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ข้อมูลอีกว่า หญิงไทยที่เข้าสู่ขบวนการนี้แล้ว หากไม่ถูกจับดำเนินคดี หรือติดแบล็กลิสต์ห้ามเดินทางเข้าประเทศนั้นอีก ก็จะพัฒนาตัวเองเป็นผู้ดำเนินการ และจัดหาหญิงไทยคนอื่น เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีทั้งแบบสมัครใจยินยอมขนยาเสพติด และถูกหลอกตั้งแต่การชักชวนไปเที่ยวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือฝากสิ่งของที่ซุกซ่อนยาเสพติดไปด้วย

มีข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พบว่าปัจจุบบันมีคนไทยหลายสิบคนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เพราะลักลอบนำยาเสพติดเข้าญี่ปุ่น โดยโทษทางกฎหมายสำหรับผู้ที่ใช้หรือมียาเสพติดในครอบครอง มีทั้งจำคุกและปรับ เช่น ยาบ้า หากมีไว้จำหน่ายจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และปรับไม่เกิน 5 ล้านเยน อีกทั้งยังถูกแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศญี่ปุ่นตลอดชีวิต และแม้ผู้ที่ลักลอบขนยาเสพติดอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย ก็ไม่สามารถลดหย่อนโทษในชั้นศาลได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้