กรุงเทพฯ 21 ต.ค. – สนธิรัตน์ ขอคุมสตอกซีพีโอสำหรับบี100 ป้องกันซีพีโอลักลอบจากเพื่อนบ้าน และป้องกันการขาดแคลนของน้ำมันเพื่อบริโภค เตรียมก๊อกต่อไปยกระดับราคา “ปาล์ม-อ้อย –มัน”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานสัมมนา B10 ปฏิรูปน้ำมันบนดินเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ว่า กระทรวงฯวางแผนน้ำมันชีวภาพแบบบูรณาการโดยดูไปถึงว่าทำอย่างไรให้เกษตรกรได้ประโยชน์ในการยกระดับราคา ทั้ง ปาล์มน้ำมัน, อ้อย และมันสำปะหลัง จึงมีประกาศใช้ไบโอดีเซลบี10 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 และหลังจากนั้นจะมีการปรับแผนลดประเภทน้ำมันกลุ่มเบนซิน เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการของผู้ค้าน้ำมันพร้อมๆกันไปด้วย รวมไปถึงเมื่อมีการประกาศใช้ยูโร 5 ปี 67 แล้ว ประเทศไทยยังต้องใช้บี10ต่อไปอย่างไรจากปัจจุบันนี้ยูโร 5 ยังไม่มีมาตรฐาน รองรับปาล์มดีเซลบี10
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การส่งเสริมบี 10 จะทำให้ดูดซับน้ำมันปาล์มดิบหรือซีพีโอ 2/3 ของกำลังผลิต หรือประมาณ 2.2 ล้านตัน/ปี ในขณะที่ CPO น้ำมันเพื่อการบริโภคจะอยู่ที่ราว 1 ล้านตัน/ปี ดังนั้น หากจะช่วยเกษตรกรไทย ก็ต้องหาทางป้องกันการลักลอบจากเพื่อนบ้าน จึง ได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์และขอให้ดูแลอย่าให้เกิดปัญหาลักลอบนำเข้าซีพีโอ พร้อมๆกับการทำอย่างไรป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลน ซีพีโอ ในอนาคต เพื่อจะได้ไม่ต้องปรับลดส่วนผสมจากบี10 กลับไปสู่ บี5 และ บี7
ในขณะเดียวกันการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ขอดูแลสตอก CPO ที่จะนำมาผลิตไบโอดีเซลบี100 โดยจะมีการเติมสี (Marker) ในซีพีโอ เพื่อจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสตอก ในส่วนของการบริโภคและป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาการลักลอบ ซึ่งหากคุมได้ราคาผลผลิตเกษตรกรก็จะดีขึ้น
“ได้ขอความร่วมมือ ก.พาณิชย์ขอให้ดำเนินการตรวจเข้มสตอก ซีพีโอทั้งป้องกันการลักลอบและดูอย่างไรให้เพียงพอผลิตบี 10 ตลอดไปเราจึงขอคุมสตอกในส่วนซีพีโอเพื่อผลิตบี 100 และในอนาคตจะมีก๊อก 2 ก๊อก 3 เพื่อยกระดับราคาปาล์มเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่งคือ ต่อยอดส่งเสริม Bio Economy” รมว.พลังงานกล่าว . – สำนักข่าวไทย