“ภรรยาธนาธร” แจงเหตุขึ้นเช็คค่าหุ้น บ.วี-ลัค มีเดีย ช้า

ศาลรัฐธรรมนูญ 18 ต.ค.-“ภรรยาธนาธร” แจงเหตุขึ้นเช็คค่าหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย ช้า เนื่องจากเป็นแม่ลูกอ่อน มั่นใจเช็คไม่เด้ง ชี้บริษัทแค่รับพิมพ์งานให้นกแอร์ ไม่ได้ทำเนื้อหาเอง ด้าน “หลานธนาธร” เบิกความชัด “สมพร” โอนหุ้นวี-ลัคมีเดีย ให้ฟื้นฟูกิจการ ย้ำชัดสถานะหลานได้หุ้นหลักล้านไม่แปลก หลังจบการไต่สวน ศาลนัดอ่านคำวินิจฉัย 20 พ.ย.นี้ ให้ส่งคำแถลงปิดคดีภายใน 15 วัน ช


ศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ (18 ต.ค.) นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ  ภรรยานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม และ น.ส.กานติ์ฐิตา อ่วมขำ พนักงานบริษัทไทยซัมมิท โอโต้พาร์ค อินดัสตรี จำกัด  ซึ่งเป็นพยานในคดีที่ กกต.ร้องขอให้ศาลรัฐธวรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากถือหุ้นสื่อบริษัทวี –ลัค มีเดีย จำกัด ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อศาล

นางรวิพรรณ ชี้แจงว่า การโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ในวันที่ 8 มกราคม 2562 มีการนัดหมายกันที่บ้าน ทนายมาจัดเตรียมเอกสารในห้องทำงาน จากนั้นนายธนาธร กลับมาจาก จ.บุรีรัมย์ ทักทายกันเสร็จ ก็ไปอาบน้ำ  ซึ่งต่อมาคุณลาวัลย์ กานต์ฐิตา ก็เดินทางมาสมทบ พอนายธนาธรอาบน้ำเสร็จก็มานั่งคุยกันและเซ็นเอกสาร  ซึ่งเอกสารสัญญาทางทนายเป็นคนเตรียมมา โดยในส่วนของตนก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และเมื่อเซ็นเสร็จก็มีการติดอากรแสตมป์ในวันนั้น โดยเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัทไทยซัมมิท เตรียมมา หลังเซ็นเสร็จ คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มีการเซ็นเช็คจ่ายค่าตอบแทนการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ให้คุณธนาธรและตน คนละฉบับ ซึ่งเช็คทั้งสองใบ ตนเองเป็นคนเก็บและนำไปขึ้นเดือนพฤษภาคม 2562 ด้วยตนเอง เหตุที่เว้นหลายเดือน เป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมา จะรวบรวมหลายฉบับแล้วนำไปขึ้นพร้อมกันทีเดียว เช่น ในปี 2560 เคยนำเช็คไปขึ้นทีเดียว 10 ฉบับ เพราะการขึ้นเช็คก็จะไม่มอบให้ใครไปดำเนินการ ขณะเดียวกันช่วงนั้นเพิ่งคลอดลูกคนเล็กเดือนกันยายน จึงต้องเลี้ยงลูก และเห็นว่าเป็นเช็คบริษัทในเครือฯ ไม่มีปัญหาเด้งแน่ จึงไม่ได้รีบนำไปขึ้น แต่ต่อมาเมื่อเกิดกระแสข่าวเรื่องการโอนหุ้น เมื่อได้รับเช็คที่ทนายนำมาแสดงต่อ กกต. คืน จึงรีบนำไปขึ้นเงิน       


ส่วนที่บริษัทจะเลิกกิจการแต่ทำไมจึงทำสัญญากับบริษัทนกแอร์ นางรวิพรรณ ชี้แจงว่า ตอนเข้ามาบริหารปี 2554 นอกจากผลิตนิตยสารฮูแล้ว ก็รับจ้างนกแอร์ผลิตนิตยสาร จิ๊บ จิ๊บ โดยไม่ได้ทำเนื้อหา จนปี 2559 ธุรกิจสิ่งพิมพ์ซบเซา แต่ในส่วนของการผลิตนิตยสารให้กับนกแอร์ ยังมีรายได้ไม่ขาดทุนอยู่และยังมีสัญญาอยู่ จึงมีการปิดกองบรรณาธิการฮูเท่านั้น ส่วนอื่นยังทำหน้าที่ต่อไป ไม่ได้ยุบ                

ด้าน น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม ผู้จัดการทั่วไปดูแลสายงานบัญชี บริษัทไทยซัมมิท โอโต้พาร์คอินดัสตรี จำกัด ชี้แจงว่า ทำงานบริษัทนี้มา 15 ปี ซึ่งหลักการ ๆ โอนหุ้น เมื่อมีการโอนหุ้นแล้ว ก็ได้มีการลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น และนำเอกสารไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่บริษัทเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ตนจึงไม่ได้เป็นผู้นำส่งสำเนาทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเรื่องหุ้นที่ผ่านมา มีไม่มาก มีปีที่ผ่านมาค่อนข้างเยอะ ยอมรับว่าตนลงนามเป็นพยานในการโอนหุ้นวันที่ 8 มกราคม 2562 โดยเดินทางไปถึงบ้านนายธนาธร พร้อมกับน.ส.กานต์ฐิตา และได้ร่วมตรวจสอบตราสารการโอนหุ้นว่าการโอนจากผู้โอน ผู้รับโอน ชื่อ มูลค่าหุ้น ถูกต้องหรือไม่ และร่วมลงนามในเอกสารระหว่างผู้โอน ผู้รับโอน โดยไปบ้านนายธนาธรกับ น.ส.กานต์ฐิตา ประมาณเวลา 17.00 น. พร้อม ๆ กับที่นางสมพร เดินทางมาถึง ซึ่งขณะนั้นทนายความรออยู่ภายในบ้านก่อนแล้ว

น.ส.ลาวัลย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเป็นพยานในการโอนหุ้นวันที่ 14 มกราคม ระหว่างนางสมพรกับหลานชายทั้งสองคน ที่บ้านนางสมพร ซึ่งมีบ้านอยู่ตรงกับข้ามกับบ้านนายธนาธร ในหมู่บ้านเลคไซด์วิลล่า 2 โดยวันดังกล่าว นางสมพรอยู่ภายในบ้านอยู่แล้ว มีนายพิพัฒน์พงศ์ ทนายความ ตนเอง น.ส.กานติ์ฐิตา และนายทวี นายปิติ จรุงสถิตย์พร หลานชายทั้งสองคนเดินทางมาสมทบตามลำดับ และยังเป็นพยานในการโอนหุ้นคืนระหว่างหลานชายทั้งสองคนกับนายสมพร วันที่ 21 มีนาคม ซึ่งทั้ง 3 ครั้งเมื่อโอนเสร็จ จะมีการลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นบริษัท               


ด้าน น.ส.กานติ์ฐิตา อ่วมขำ กล่าวว่า รับผิดชอบงานด้านการเงิน บริษัทไทยซัมมิทโอโต้พาร์ค อินดัสตรี มา 22 ปี การโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคม 2562 ตนอยู่ในเหตุการณ์ โดยเดินทางไปพร้อม น.ส.ลาวัลย์  ถึงบ้านนายธนาธร เวลา 17.00 น. โดยช่วงปลายปี 2561 ทราบข้อมูลว่าจะมีการโอนเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นใน 10 บริษัท รวมถึงบริษัทวี-ลัค มีเดีย ในฐานะฝ่ายการเงินของบริษัท จึงต้องเข้าไปรับทราบ โดยยอมรับว่าได้ลงนามเป็นพยานในตราสารการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดียว วันที่ 8 มกราคม 2562 และเป็นพยานการโอนหุ้นระหว่างนางสมพร กับหลานชายในวันที่ 14 มกราคม 2562 และการโอนคืนระหว่างหลานชายมายังนางสมพร วันที่ 21 มีนาคม 2562

จากนั้น ศาลฯ เบิกตัวนายปิติ จรุงสถิตพงศ์ (หลานเอ) ขึ้นเบิกความว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับหุ้นวี-ลัค มีเดีย อย่างไร โดยนายปิติ ยืนยัน ว่ามีการโอนหุ้นในวันที่ 14 มกราคม 2562 และโอนคืนในวันที่ 21 มีนาคม หลังการคุยแผนธุรกิจในวันที่ 19 มีนาคม ที่ประสงค์ให้นางสมพร ลงทุนเพิ่ม แต่นางสมพรไม่ตกลง ตนจึงตัดสินใจโอนหุ้นคืน โดยตนและน้องชายไปโอนหุ้นที่บ้านพักของนางสมพร ในวันดังกล่าว มีพนักงานบริษัทไทยซัมมิทและทนายความเป็นพยาน  ส่วนเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นนั้น ตนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จัดทำ แต่คิดว่าทางบริษัทไทยซัมมิทเป็นผู้ดำเนินการ โดยในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 19 มีนาคม มีรายละเอียดเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น 5 คน ทั้งนี้การโอนรับหุ้นในวันที่ 14 มกราคม 2562 และโอนคืนในวันที่ 21 มีนาคม ไม่มีการชำระเงินใด ๆ กับหุ้นตัวนี้

ส่วนนายทวี จรุงสถิตพงศ์  (หลานบี ) เบิกความว่า ตนมีอาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว กรณีบริษัทวี-ลัค มีเดียนั้น ตนเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะได้รับหุ้นมาจากนางสมพร โดยในวันที่ 14 มกราคม 2562 ทำสัญญาโอนหุ้นที่บ้านนางสมพร  ซึ่งมีการเตรียมเอกสารไว้พร้อมแล้ว โดยตนรับโอนหุ้นมาเพื่อฟื้นฟูกิจการ นำธุรกิจมาทำใหม่ เนื่องจากตนเรียนจบสาขานิเทศศาสตร์ หลังจากได้รับมอบหมาย ได้ใช้เวลาอยู่สักพักหนึ่งในการวิเคราะห์แผนธุรกิจมานำเสนอ 2 แนวทาง คือ การปรับโครงสร้างจากสื่อสิ่งพิมพ์มาเป็นอีบุ๊ค หรือเพิ่มเป็นผู้พิมพ์ด้วย เนื่องจากมีเทคโนโลยีการพิมพ์แบบใหม่ ๆ แต่ทั้ง 2 แนวทาง นางสมพร ต้องเพิ่มเงินลงทุน ต่อมาเมื่อนางสมพรตัดสินใจไม่ทำธุรกิจต่อ ตนจึงโอนหุ้นคืนให้ในวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งในวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่บัญชีกับทนายความร่วมเป็นพยาน โดยในการโอนหุ้นไม่มีการชำระเงินค่าหุ้นแต่อย่างใด

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนพยาน 10 ปาก ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ศาลได้แจ้งคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายว่าศาลนัดฟังคำวินิจฉัยคดีนี้ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.00 น. และให้คู่กรณีส่งคำแถลงปิดคดีภายในเวลา 15 วัน นับจากวันนี้ (18 ต.ค.).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย