ไทย-ฮังการีจับมือร่วมแก้วิกฤติน้ำ


กรุงเทพฯ 17 ..-เอ็มโอยูแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านน้ำทุกมิติ รมต.เทวัญนำทีม สทนช.เยือนกรุงบูดาเปสต์ ร่วมเวทีประชุมสุดยอดผู้นำด้านน้ำบูดาเปสต์ 2019 ชูแผนป้อง 3 มิติวิกฤติด้านน้ำ พร้อมลงนามเอ็มโอยูความร่วมมือด้านน้ำไทยฮังการี  เล็งตั้งคณะทำงานร่วมสองฝ่ายเคาะโครงการร่วมมือด้านน้ำ






 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเดินทางเยือนฮังการีอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำด้านน้ำบูดาเปสต์ 2019  (Budapest Water Summit 2019) และลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงมหาดไทยของฮังการี กรุงบูดาเปสต์ เมื่อวันที่ 13-16 ตุลาคม 2562  ที่ผ่านมา ซึ่งการประชุมสุดยอดผู้นำด้านน้ำบูดาเปสต์ 2019 ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้คำขวัญการป้องกันวิกฤติด้านน้ำหรือ “Preventing Water Crisis” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือของประชาคมโลกจากภาคการเมือง ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ภาคธุรกิจ การเงินและนักวิชาการ ในการหาแนวทางร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติด้านน้ำที่กำลังจะเกิดขึ้นและที่เกิดขึ้นแล้ว โดยพิจารณาจาก 3 เรื่องหลัก คือ 1) วิกฤติการขาดแคลนน้ำ 2) วิกฤติน้ำมากเกินความต้องการ และ 3) วิกฤติน้ำเสีย/น้ำปนเปื้อนมลพิษ นอกจากจะมีการจัดเสวนา/อภิปรายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังมีการจัดนิทรรศการแสดงความก้าวหน้าเทคโนโลยีด้านน้ำของภาคเอกชนฮังการี โดยมีภาคเอกชนชั้นนำเข้าร่วมกว่า 30 ราย ซึ่งในโอกาสนี้ประเทศไทยได้ใช้เวทีนี้ในการแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนในการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการน้ำ เช่น ด้านคุณภาพน้ำ น้ำอุปโภคบริโภคที่สะอาด รวมถึงแนวทางความร่วมมือการบริหารจัดการน้ำระดับภูมิภาคโดยให้คำนึงถึงน้ำที่ต้องใช้ร่วมกันด้วย

นายเทวัญ กล่าวเพิ่มเติมถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่าง สทนช.กับกระทรวงมหาดไทยฮังการี ร่วมกับนายชานดอร์ พินแตร์ (Sandor Pinter) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยฮังการี  และการหารือระดับทวิภาคีระหว่างสองประเทศด้วยว่า ฝ่ายไทยได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายโดยเร็ว เพื่อเร่งรัดการจัดทำแผนงานและโครงการความร่วมมือด้านน้ำภายใต้เอ็มโอยูที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน โดยเฉพาะการจัดการน้ำแบบบูรณาการทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง การจัดการน้ำเสียและการใช้ประโยชน์จากน้ำบาดาลที่ฮังการีมีความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้เลขาธิการ สทนช. เป็นผู้รับผิดชอบประสานงานกับฝ่ายฮังการี เพื่อนำไปสู่กรอบแนวทางความร่วมมือด้านน้ำของสองประเทศที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนโดยเร็วต่อไป ขณะเดียวกัน ฝ่ายฮังการีได้เสนอให้ทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาโทเอกด้านน้ำแก่ประเทศไทยให้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของฮังการีอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย 




ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง