กรุงเทพฯ 14 ต.ค. – สมอ.ผนึกกำลังประเทศอาเซียน เพิ่มศักยภาพการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง ตั้งเป้าปี 63 เพิ่ม 10 มาตรฐานผลิตภัณฑ์จากยางพารา
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมยางพาราในประเทศไทยนับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญและส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก โดยปีที่ผ่านมามีมูลค่าการส่งออกยางพารากว่า 147,343.4 ล้านบาท และมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางกว่า 353,442.9 ล้านบาท ปัจจุบัน สมอ.กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากยางพารา 168 มาตรฐาน และมีแผนกำหนดเพิ่มอีกในปี 2563 จำนวน 10 มาตรฐาน เช่น แผ่นยางปูทางผ่านเสมอระดับรถไฟ แผ่นยางปูพื้นสำหรับผู้พิการทางสายตา และยางรัดเอวพยุงหลัง ฯลฯ ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ยางพาราธรรมชาติของไทย
ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สมอ.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานด้านผลิตภัณฑ์ยาง ( RBPWG) ภายใต้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของอาเซียน (ACCSQ) ครั้งที่ 29 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นการพิจารณาแผนงานเชิงยุทธศาสตร์ปี 2563 – 2568 ซึ่งจะผลักดันกิจกรรมสำคัญ คือ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ยางที่มีนวัตกรรมด้านการมาตรฐาน เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ยางที่มีนวัตกรรมให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล อีกทั้งเป็นวาระที่ประเทศไทยเป็นแกนนำในการพิจารณากำหนดจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับมาตรฐานใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ยางในการประชุม ISO/TC 45 – Rubber and rubber products ด้วย ซึ่ง สมอ.ตั้งเป้าหมายจะทำให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธาน ACCSQ RBPWG ในการประชุมครั้งถัดไปในปี 2563
เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมดังกล่าวยังจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการห้องปฏิบัติการยางของอาเซียน (ARTLC) เป็นครั้งแรก ประเทศไทยเป็นประธานการประชุม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายให้เกิดความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างห้องปฏิบัติการยางของอาเซียนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการยกระดับการตรวจสอบและรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ยาง ส่งเสริมอุตสาหกรรม และเพิ่มศักยภาพการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางของอาเซียน ส่งผลดีกับผลิตภัณฑ์ยางของไทยที่มีศักยภาพสูงในตลาดโลก อาทิ ผลิตภัณฑ์แผ่นยางและถุงมือยาง อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย