อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ย้ำอธิบดีภาคมีอำนาจตรวจร่างคำพิพากษา

ม.ธรรมศาสตร์ 11 ต.ค.- อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ย้ำอธิบดีภาคมีอำนาจตรวจร่างและทำความเห็นแย้งได้ และค้านการยกเลิกการตรวจร่าง ขณะที่คณะกรรมการนิติศาสตร์สากล และนักวิชาการเห็นต่างเสนอยกเลิกการตรวจร่าง และใช้การตรวจสอบในรูปแบบคณะกก.วินัยและการอุทรณ์และฎีกาแทน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดการเสวนา” คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน” โดยหยิบยกเหตุการณ์นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั่นต้นในศาลจังหวัดยะลายิงตัวพร้อมออกแถลงการณ์ขึ้นมาพูดคุย

น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฏีกา และอดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงเหตุการณ์นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้น ศาลจังหวัดยะลา ยิงตัวพร้อมออกแถลงการณ์ว่า เมื่อทราบเหตุการณ์ รู้สึกตกใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับวงการศาลยุติธรรม เพราะในอดีตอยู่กันด้วยความเรียบร้อยมาตลอด เคารพในระบบอาวุโส คดีนี้ไม่ขอออกความเห็นว่าใครผิดหรือถูก เพราะไม่ทราบรายละเอียด แต่ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 11 และมาตรา13 อธิบดีผู้พิพากษาภาคมีอำนาจในการตรวจร่างคำพิพากษา และสามารถเข้าไปร่วมในองค์คณะได้ แม้จะไม่ได้เป็นองค์คณะในสำนวนนั้น และสามารถทำความเห็นแย้งได้ จึงไม่เห็นด้วยกับบางข้อเสนอที่จะให้ยกเลิกให้อธิบดีภาคตรวจร่าง และเชื่อว่าผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ไม่เข้าไปแทรกแซงคดีโดยมีอคติ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามสำนวน ไม่เช่นนั้นก็จะถูกร้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา157 ของรัฐธรรมนูญ


น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด คณะกรรมการนิติศาสตร์สากล กล่าวว่า ตามกฎหมายระหว่างประเทศผู้พิพากษาต้องมีความเป็นอิสระและเป็นกลาง ทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้พิพากษาด้วยกัน ส่วนการขอคำปรึกษาสามารถทำได้แต่ควรมาจากตัวผู้พิพากษาเอง ซึ่ง ตามหลักสากลจึงเห็นว่า ไม่ควรมีการทบทวน แต่ว่าอาจจะสามารถอุดช่องว่างในเรื่องคุณภาพมาตรฐานได้ เช่นการอุทธรณ์ และฎีกา ขณะเดียวกันในระบบสากลเห็นว่าคณะกรรมการในการตรวจสอบการทำงานและสอบสวนวินัย ควรมี อดีตผู้พิพากษาและคนนอกร่วมเป็นกรรมการเพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ และควรเปิดให้ตรวจสอบขั้นตอน ตรวจสอบ ทางวินัยได้ 

คณะกรรมการนิติศาสตร์สากล ยังกล่าวถึง คดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ไม่ควรรับฟังพยานหลักฐานที่ได้จากการสอบสวนโดยวิธีพิเศษ การซักถามและพาไปชี้สถานที่เกิดเหตุหรืออยู่ในช่วงกฎหมายพิเศษ จึงอยากให้ใช้กฎหมายทั่วไปแทน

นายรณกรณ์ บุญมี อ.ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ความอิสระภายในของผู้พิพากษาเป็นเรื่องสำคัญ และเห็นว่าความเป็นอิสระจะผู้พิพากษาผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ การตรวจสอบร่างคำพิพากษาไม่เกี่ยวกับ การละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีที่ผู้ตรวจร่างไม่ได้มีอำนาจให้คุณให้โทษซึ่งอธิบดีผู้พิพากษาภาคไม่ได้มีอำนาจให้คุณให้โทษแต่เป็นอำนาจของ กต.


“ผมไม่เห็นด้วยกับการตรวจร่างเพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อใจในตัวผู้พิพากษา ซึ่งมีอาวุโสน้อยกว่าทางที่ผ่านงานมา 10 กว่าปี แต่ หากจะมีการตรวจร่างขอให้ทบทวนเฉพาะข้อกฎหมายแต่อย่าทบทวนข้อเท็จจริง และควรเขียนความเห็นแย้งในคำพิพากษามาให้ชัดเจน เพื่อความโปร่งใส”นายรณกรณ์ กล่าว

นายรณกรณ์ ยังตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยตามกฎหมายความมั่นคงว่า เหตุใดจึงมีสิทธิ์น้อยกว่าผู้ต้องหา เหตุใดไม่มีทนายความที่ผู้ต้องสงสัยสามารถเลือกเองได้ อีกทั้งยังไม่มีสิทธิ์เจอผู้พิพากษาเร็วด้วย เพราะการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกมีเวลาอย่างน้อย 7 วัน

นายอับดุลกอฮาร์ แอเวบูเต๊ะ ทนายความมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม กล่าวถึงคดีที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้ว่า มักจะเริ่มต้นด้วยคดีพิเศษ ซึ่งในคดีความมั่นคงตอนแรกใช้กระบวนการสืบสวนตามปกติ แต่คดียกฟ้องจำนวนมาก จึงมีการแก้ไขประมวลกฏหมายอาญาในปี2550 ให้รับฟังพยานบอกเล่าด้วย จึงเริ่มมีกระบวนการซักถามในค่ายทหาร และทำเป็นรูปแบบของการสอบสวน การควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก 7 วันแล้วขออำนาจศาลว่าให้ควบคุมตัวต่อหรือไม่ การใช้คดีความมั่นคงใน 3 จังหวัด จะมีบุคคลเป้าหมายของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ทั้งนี้กระบวนการทั้งหมดถ้าขอควบคุมตัวเต็มที่ได้ 37 วัน และส่วนใหญ่ควบคุมตัวเต็มเวลา โดยที่ญาติเข้าไปเยี่ยมได้ลำบาก และจากข้อมูลที่ญาติให้พบว่ายังมีการซ้อมทรมาน และเมื่อมีการนำตัวขึ้นสู่ศาลก็มีหลักฐานจากกระบวนการพิเศษ และในคดีความมั่นคงจะมีผู้พิพากษาภาค 9 เข้ามาร่วมคณะด้วย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]