นนทบุรี 10 ต.ค. – ลูกสาวเจ้าของธุรกิจอัญมณีเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชน หลังถูกนายทหารเกษียณราชการยศ พล.ร.อ. พร้อมชายฉกรรจ์กว่า 10 คน บุกเข้ายึดบ้านย่านนนทบุรี และขับไล่ตนออกจากบ้าน
น.ส.พิมพ์นรี โหตะไวทยกร อายุ 33 ปี บอกว่า ตนมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ทั้งในทะเบียนบ้านและโฉนดที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะตนไม่อยู่บ้าน มีชายฉกรรจ์หลายสิบคนบุกเข้ามา ให้แม่บ้านเปิดประตู ก่อนเข้าไปเปลี่ยนลูกกุญแจบ้านใหม่ทั้งหมด ทำให้ตนเองและน้องสาวไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางศรีเมือง
ครอบครัวของตนประกอบธุรกิจอัญมณี อยู่ที่บ้านหม้อ มานานกว่า 50 ปีแล้ว สืบทอดมาถึงรุ่นแม่ คือ นางสุคนธกาญจน์ โหตะไวทยกร กระทั่งเมื่อปี 2541 พี่ชายของแม่ได้พาเพื่อนนายทหารเรือ ยศ พล.ร.อ. ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว มาแนะนำให้ทุกคนในบ้านรู้จัก ภายหลังพ่อหย่าร้างกับแม่ นายทหารคนนี้ได้เข้ามาสนิทสนมคบหากับแม่ จนปี 2549 แม่ไปซื้อที่ดินกว่า 4 ไร่ ในซอยวัดบางกร่าง ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี ในราคา 17.5 ล้านบาท พร้อมทั้งถมที่ปลูกบ้านและตกแต่ง รวมกว่า 40 ล้านบาท โดยมีนายทหารคนนี้คอยช่วยดูแล แต่บ้านและโฉนดที่ดินมีชื่อแม่เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว จากนั้นตน น้องสาว และแม่ ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ขณะที่นายทหารคนนี้ก็ไปมาหาสู่กับแม่ และมาพักที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งคราว
กระทั่งปี 2559 แม่เริ่มป่วย จึงได้ทำนิติกรรมและโอนที่ดินพร้อมบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของตน ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตนและน้องสาวก็พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้พร้อมกับคุณพ่อ จนเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10 คน ได้บุกเข้ามาในบ้าน โดยอ้างว่าได้รับคำสั่งจากอดีตนายทหารคนดังกล่าวให้เข้ามาดูแลและเฝ้าบ้าน ในฐานะเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม ตนเองและครอบครัวเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงไปแจ้งความ พร้อมทั้งแสดงโฉนดและทะเบียนบ้านที่มีชื่อตนเองเป็นเจ้าของ ตอนนี้ลำบากมาก เพราะไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ อยู่ดีๆ ก็มีคนอื่นมาอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้าน ทั้งที่สร้างมาจากเงินของครอบครัว
พ.ต.อ.วันชัย ชูจิตร ผกก.สภ.บางศรีเมือง บอกว่า เรื่องนี้มีการฟ้องร้องกันมานานกว่า 2 ปี กระทั่งเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา มีคำสั่งศาลแพ่งนนทบุรี ให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย สามารถใช้บ้านหลังนี้ร่วมกันได้ และเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม อดีตนายทหารคนดังกล่าวได้ขอให้ตำรวจร่วมเป็นพยานเข้าไปในบ้านหลังนี้ จากนั้นวันรุ่งขึ้น (5 ต.ค.) ประมาณ 23.00 น. น.ส.พิมพ์นรี มาขอลงบันทึกประจำวัน อ้างว่ายังไม่มีหมายบังคับความแพ่งให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา เกรงบุคคลที่เข้ามาในบ้านจะมาทำอันตรายแก่คนในครอบครัว หรืออาจนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาซุกซ่อนภายในบ้าน หรืออาจทำลายทรัพย์สินในบ้าน จึงขอแจ้งไว้เป็นหลักฐาน คดีดังกล่าวทั้ง 2 ฝ่าย อยู่ระหว่างฟ้องร้องในชั้นศาล. – สำนักข่าวไทย