สำนักข่าวไทย 10 ต.ค.- เนื่องในวันสุขภาพจิตโลก 10 ตุลาคม จิตแพทย์ย้ำเตือนครอบครัว ใส่ใจรับฟังคนที่กำลังเจอทางตันชีวิต เตือน 4 คำพูดอันตราย “ตำหนิ สอน ด่าซ้ำ ตะเพิด” ยิ่งตอกย้ำให้ไร้ค่า
นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 10 ตุลาคมทุกปี สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (The World Federation Mental Health) กำหนดให้เป็นวันสุขภาพจิตโลกเพื่อให้ประชาชนทั่วโลกให้ความสำคัญปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งในปีนี้เน้นการป้องกันการฆ่าตัวตาย โดยรายงานทั่วโลกพบปีละเกือบ 8แสนราย
ในส่วนของโรงพยาบาลฯ วันนี้ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ประชาชนทั้งในและนอกโรงพยาบาล โดยจัดหน่วยสุขภาพจิตร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆของ จ.นครราชสีมา ให้บริการประชาชนในโครงการเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มประชาชน ที่สำนักงานเทศบาล ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา มีนิทรรศการให้ความรู้การดูแลสุขภาพจิต การป้องกันฆ่าตัวตาย บริการตรวจวัดสุขภาพใจทั้งความเครียด ความเศร้า ความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ส่วนในโรงพยาบาลจัดบริการที่แผนกผู้ป่วยนอก มีนิทรรศการให้ความรู้ บริการตรวจประเมินความเครียด ให้คำปรึกษา และให้บริการนวดคลายเครียดโดยแพทย์แผนไทยฟรี ซึ่งประชาชนสามารถนำไปใช้เพื่อคลายเครียดเองที่บ้านได้ด้วย
นพ.กิตต์กวี กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์ฆ่าตัวตายในเขตสุขภาพนครชัยบุรินทร์ ประกอบด้วย 4 จังหวัดอีสานตอนล่างในปีงบประมาณ 2562 ลดลงกว่าปี2561 ร้อยละ28 โดยมีรายงานฆ่าตัวตายรวม 268 ราย คิดเป็นอัตรา 3.92 ต่อประชากรแสนคน อยู่ในเกณฑ์เป้าหมายของกรมสุขภาพจิตที่กำหนดไว้ไม่เกินอัตรา 6.3 ต่อแสนประชากร แยกดังนี้ จ.นครราชสีมา103 ราย ชัยภูมิ 99 ราย บุรีรัมย์ 36 รายและสุรินทร์30 ราย เป็นชายมากกว่าหญิง 6 เท่าตัว ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและวัยแรงงาน สาเหตุการฆ่าตัวตายอันดับ1ร้อยละ 56 เกิดจากปัญหาชีวิตต่างๆ รองลงมาคือติดสุราร้อยละ 18 ป่วยซึมเศร้าร้อยละ 9
นพ.กิตต์กวี กล่าวต่อไปอีกว่า ในปีงบฯ 2563 นี้โรงพยาบาลได้ปรับแผนป้องกันการฆ่าตัวตายในพื้นที่เขตสุขภาพนครชัยบุรินทร์ ขยายการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงจาก 4 กลุ่มเดิม คือกลุ่มป่วยเรื้อรังทั้งที่ติดเตียงติดบ้าน กลุ่มป่วยทางจิต กลุ่มติดยาเสพติด/ติดสุรา และกลุ่มที่เคยฆ่าตัวตาย โดยเพิ่มอีก 2 กลุ่ม คือกลุ่มครอบครัวของผู้ฆ่าตัวตาย เนื่องจากผลการวิจัยขององค์การอนามัยโลก(WHO)พบว่าการฆ่าตัวตาย 1 คน จะส่งผลกระทบจิตใจกับคนที่ยังมีชีวิตเนื่องมาจากความสูญเสียได้ถึง 6 คน เช่น พ่อ แม่ ภรรยา/สามี ลูก เป็นต้น และกลุ่มคนปกติที่เผชิญปัญหาชีวิตเช่น ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การทำงานเป็นต้น ตามข้อมูลที่ปรากฏในพื้นที่ซึ่งพบว่าเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายมากที่สุดและพบได้มากกว่าครึ่ง
“ครอบครัวมีส่วนสำคัญที่สุด ในการป้องกันการฆ่าตัวตาย เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกับปัญหามากที่สุด ผู้ที่เจอทางตันในชีวิตมักจะขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวเป็นอันดับต้นๆ คำพูดอันตรายที่ครอบครัวไม่ควรใช้อย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ คืออย่าด่าซ้ำ อย่าตำหนิ อย่าสั่งสอน และอย่าตะเพิดไล่ส่ง เนื่องจากจะยิ่งซ้ำเติมความเครียดรุนแรงขึ้น และตอกย้ำการโทษตัวเองว่าไร้ค่า ซึ่งจะเป็นตัวเร่งสำคัญที่สุดทำให้ตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีปัญหา ” นพ.กิตต์กวีกล่าว
สำหรับสิ่งที่ครอบครัวควรทำเพื่อป้องกันผู้กำลังทุกข์ใจไม่ให้คิดสั้น มีข้อ แนะนำ 5 ประการ 1.ใช้สติใจเย็นรับฟังให้มาก เพื่อให้ระบายทุกข์ที่อยู่ในใจออกมา พูดคุยถามปัญหาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทีเป็นมิตรจริงใจ 2.ให้กำลังใจ ช่วยคิดหาทางออก 3.ส่งเสริมให้เห็นคุณค่า ให้ผู้มีปัญหามองข้อดีและความสามารถตัวเอง เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจว่าตัวเองไม่ได้ไร้ค่า 4.แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือในขั้นต่อไป และ 5.ช่วยกันเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียว .-สำนักข่าวไทย