กทม.9 ต.ค.-เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เสนอ 2 ทางเลือก แก้ปัญหาภาษียาเส้น ตามใจเกษตรกรแบกคนป่วย หรือเยียวยาเกษตรกร หาอาชีพทดแทน แก้ปัญหาสุขภาพ
นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิด เผยว่า จากกรณีการเดินขบวนประท้วงการขึ้นภาษียาเส้น สืบเนื่องจากกระทรวงการคลังได้ขึ้นภาษียาเส้นไปแล้วแต่มีผู้ค้ายาเส้นและชาวไร่ยาสูบ ประท้วงขอให้ลดภาษีที่ขึ้นไปแล้ว และให้ชะลอการขึ้นภาษีตามแผนที่กำหนดไว้นั้น จึงได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางการตัดสินใจแก้ปัญหาเรื่องนี้ของรัฐบาล มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อสุขภาพของคนไทย และต่อเนื่องมาถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคคนที่ป่วยจากการสูบบุหรี่
ซึ่งการสูบบุหรี่ยาเส้นเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและเรื้อรังของไทยมาโดยตลอด จากการเก็บภาษีที่ต่ำมาก ส่งผลให้ราคายาเส้นถูกมาก เป็นสาเหตุสำคัญของการทำให้เด็กๆ และเยาวชนเสพติดบุหรี่ และทำให้คนยากจนที่สูบบุหรี่ไม่เลิกสูบ ทั้งที่ยาเส้นก็มีอันตรายเหมือนกับยาสูบชนิดอื่นๆ
นพ.ประกิต กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมีทางเลือกในการแก้ปัญหา 2 แนวทาง คือ1.รัฐบาลทำตามที่ชาวไร่และผู้ค้ายาสูบเรียกร้อง ลดภาษียาเส้นที่ขึ้นไปแล้วเรื่องก็จะจบ เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็ว แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เพราะจะทำให้วัตถุประสงค์ของการขึ้นภาษี ที่ต้องการจะลดจำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่ยาเส้นเกือบ 5 ล้านคนให้น้อยลง ก็เป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นคนที่จะเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่ก็จะไม่ลดลง รัฐบาลจะต้องรับ ภาระการรักษาพยาบาลคนที่ป่วยเหล่านี้ ยิ่งเพิ่มภาระแก่โรงพยาบาล และงบประมาณ สปสช. ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกประเมินไว้ว่า การขึ้นภาษียาเส้นของรัฐบาลไทยครั้งนี้ จะลดจำนวนคนที่สูบบุหรี่ยาเส้นลง 240,000 คน และจะทำให้ลดจำนวนคนที่จะป่วยและเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 120,000 คน จากสถิติที่พบว่า ครึ่งหนึ่งของคนที่สูบบุหรี่ จะป่วยและเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่
แนวทางที่ 2 คือรัฐบาลทำตาม ข้อแนะนำของผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกและข้อกำหนดของอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ที่ให้มีการขึ้นภาษียาสูบและให้ใช้มาตรการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบด้วยวิธีอื่นและคงแผนการขึ้นภาษีไว้ เช่น เยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการขึ้นภาษี สนับสนุนให้ทำอาชีพอื่น หรือสนับสนุนการปลูกพืชทดแทน โดยอาจจะเอาเงินภาษียาเส้นที่เก็บเพิ่มขึ้นได้มาใช้เป็นงบประมาณในการแก้ปัญหา วิธีนี้จะส่งผลดีต่อแผนการขึ้นภาษีที่ศึกษาเตรียมการไว้อย่างดีมานานแล้ว ซึ่งจะทำให้คนสูบบุหรี่ลดลง คนเจ็บป่วยลดลง ประหยัดงบประมาณรักษาสุขภาพ และเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ลดข้อครหาที่ว่า รัฐบาลทำอะไรที่ย้อนแย้งคือทางหนึ่งก็จะเอาใจชาวไร่ยาสูบ อีกทางก็ลงแส้หน่วยงานต่างๆให้หาทางรณรงค์ลดการบริโภคยาสูบ ที่สำคัญ วิธีนี้แม้จะทำยากกว่า แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ซึ่งไม่ช้าก็เร็ว รัฐบาลจะต้องเดินทางนี้อย่างแน่นอน เพราะผู้คนจะปฏิเสธการใช้ยาสูบมากขึ้นๆ ความต้องการใบยาสูบมีแต่จะลดลงๆ
“ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหา ด้วยการยอมลดภาษียาเส้นตามที่มีการเรียกร้อง จะเป็นการถอยหลังเข้าคลอง และลบล้างความพยายามควบคุมยาสูบที่หน่วยงานต่างๆพยายามทำอยู่ สุขภาพของคนไทยก็ไม่ต้องหวังว่าจะให้ดีขึ้น เราเข้าใจเห็นใจเกษตรกร และรัฐบาลต้องช่วยเหลือ เหตุการณ์การประท้วงที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤต รัฐบาลต้องแก้ปัญหาโดยแปลงวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่ใช่แก้ปัญหาแบบเหมือนไม่ได้แก้ ขอให้รัฐบาลตัดสินใจเพื่ออนาคตสุขภาพของลูกหลานไทย ให้เราภูมิใจและศรัทธา’ นพ.ประกิต กล่าว .-สำนักข่าวไทย