“โอ๊ต-ครีม” คว้าแชมป์เดี่ยว “ปอป้อ” ซิว 2 แชมป์ขนไก่ SCG

กรุงเทพฯ 6 ต.ค. – โอ๊ตครีมไม่พลิกผงาดแชมป์เดี่ยวปอป้อฮีโร่ซิวคนเดียว 2 แชมป์ปิดขนไก่ SCG ออลไทยแลนด์





การแข่งขันแบดมินตันรายการใหญ่แห่งปี แบดมินตันชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2562 รายการเอสซีจี ออลไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเงินรางวัลกว่าหนึ่งล้านบาท ซึ่งจัดโดยเอสซีจี และ สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ศูนย์ฝึกแบดมินตัน และวิทยาศาสตร์การกีฬา นางลิ้นจี่ กรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 6 ..ที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันวันสุดท้าย ไฮไลท์คู่ชิงชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยวโอ๊ตสิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ มือวางอันดับ 1 ของรายการจากเอ็นจอยทีม เจ้าของแชมป์เก่าปีที่แล้ว 61 วันนี้ดวลดุเดือดกับเพชรโฆษิต เพชรประดับ มือวางอันดับ 2 ของรายการจาก ศูนย์ฝึกแบดมินตันเชียงใหม่ ก่อนสิทธิคมป์ เอาชนะไปแบบหืดจับ 2-1 เกม 21-18, 17-21, 21-12 ด้วยเวลา 1 ชม.19 นาที ทำให้ สิทธิคมป์ คว้าแชมป์ต่อเนื่องสมัยที่ 2




ขณะที่ประเภทหญิงเดี่ยวน้องครีมบุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธ์ มือวางอันดับ 1 ของรายการจากบางโพดีกรีแชมป์ 2 สมัยปี 2556 และ 2558 วันนี้กลับมาคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจใช้เวลา 40 นาทีเอาชนะ ศุภนิดา เกตุทอง มือวางอันดับ 4 ของรายการจากตำรวจมา 2-0 เกม 21-12, 21-15



เช่นเดียวกับประเภทคู่ผสม เดชาพล พัววรานุเคราะห์ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย จากศรีราชาสปอร์ตคลับตรีเลิศ คู่แชมป์ 2 สมัยปี 2559-2560 และมือวางอันดับ 1 ของรายการ เอาชนะคู่แชมป์เก่าปีที่แล้ว 61 “ต้นน้ำนิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชรสาวิตรี อมิตรพ่าย คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการจากตำรวจบ้านทองหยอด 2-0 เกม 21-16, 21-19 ด้วยเวลา 43 นาที ทำให้เดชาพลทรัพย์สิรี คว้าแชมป์คู่กันเป็นสมัยที่ 3

นอกจากนี้ประเภทหญิงคู่ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัยพุธิตา สุภจิรกุล มือวางอันดับ 1 ของรายการจากตรีเลิศสิงห์เอชเอช คู่แชมป์เก่าปี 2559-2560 ยังไม่พลิกล็อกคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ไปครองตามคาด หลังเอาชนะ ขวัญชนก สุดใจประภารัตน์ชาสินี โกรีภาพ คู่มือวางอันดับ 4 ของรายการจากสมาคมกีฬากรุงเก่าที ไทยแลนด์ 2-0 เกม 21-8, 21-15 ด้วยเวลา 37 นาที ทำให้รายการนี้ ทรัพย์สิรี คว้าแชมป์คนเดียวไป 2 รายการ

ส่วนประเภทชายคู่ต้นน้ำนิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร จับคู่รุ่นน้อง ตนุภัทร วิริยางกูร เป็นมือวางอันดับ 2 ของรายการจากตำรวจ ผงาดแชมป์คู่กันสมัยแรกได้สำเร็จ และนับเป็นแชมป์สมัยที่ 4 ของ นิพิฐพนธ์ เมื่อรอบชิงชนะเลิศเอาชนะ ติณณ์ อิสริยะเนตรกิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ จากเสนา สปอร์ต สเตชั่นสิงห์ เอชเอชไป 2-0 เกม 21-10, 21-19 ด้วยเวลา 32 นาที โดยก่อนหน้าต้นน้ำนิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร เคยคว้าแชมป์ประเทศไทยมาแล้ว 3 สมัยตั้งแต่ปี 56 คู่กับสัพพัญญู อวิหิงสานนท์, ปี 57คู่กับมณีพงศ์ จงจิตร, ปี 60 คู่กับ บดินทร์ อิสสระ .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง