กรุงเทพฯ 3 ต.ค. – ผู้บริหารไทยเบฟย้ำโอกาสขยายธุรกิจไปตลาดอาเซียนมีมาก ทั้งสุรา เบียร์ น้ำดื่ม อาหาร ตั้งเป้าตลาดอาเซียนเป็นกลุ่มหลัก รวมทั้งอนาคตอาเซียนบวก 3 บวก 6 ยิ่งมีโอกาสมากแน่
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลประกอบการของกลุ่มไทยเบฟเวอเรจไม่ว่าจะเป็นสุรา เบียร์ น้ำดื่ม อาหารและอีกหลายธุรกิจของกลุ่ม โดยผลประกอบการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ถึงมิถุนายน 2562 หรือ 9 เดือนใน 3 ไตรมาสของปี 2562 มีมูลค่าทั้งสิ้น 205,277 ล้านบาท เติบโตขึ้นช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 18.2 และยังมั่นใจว่าในเวลาที่เหลือผลประกอบการทั้งปียังมีโอกาสเติบตัวโดยรวมถึง 2 หลักได้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มตั้งเป้าหมายขยายแผนงานตั้งแต่ปี 2563-2568 ไว้ว่า ยังมีโอกาสขยายตลาดในกลุ่มได้อีกมาก โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือภายในกรอบอาเชียน ซึ่งเวลานี้ตลาดสุราและเบียร์ไทยเบฟเวอเรจถือเป็นสินค้าอันดับ 1 ในตลาดอาเซียนและในเอเชียไทยเบฟเวอเรจเป็นอันดับ 5 ของโลก แต่เชื่อว่าการขยายแผนการทำตลาดอย่างต่อเนื่องอนาคตไทยเบฟเวอเรจยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากความต้องการภายใต้กรอบอาเซียนบวก 3 บวก 6 ไปจนถึงอาเซียนบวก 9 จะเป็นหัวใจหลักที่กลุ่มไทยเบฟเวอเรจจะขยายตลาดสินค้าในตลาดเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ไม่เพียงสินค้าในกลุ่มสุรา เบียร์ กลุ่มไทยเบฟเวอเรจตระหนักสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็มี จึงได้ปรับแนวทางของสินค้ากลุ่มนี้ให้เข้าถึงกลุ่มคนผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้น สรุปภาพรวมในวิสัยทัศน์ 2563 ถือว่าสามารถขับเคลื่อนและประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ทำให้กลุ่มมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถพัฒนาแผนธุรกิจของให้เป็น Business plan ที่มองไปไกลถึง 2568 ซึ่งจะเป็นแผน 3 ปี ที่จะเร่งขยายตลาดในกลุ่มสู่ตลาดอาเซียนมากขึ้นพร้อมกันนี้จะปรับบุคลากรไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล
“มองไปถึงอาเซียน+6 ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่าครึ่งโลก มีประเทศที่มีอัตราการโตของเศรษฐกิจสูง เช่น เมียนมาร้อยละ 7.4 กัมพูชาร้อยละ 7.2 ลาวร้อยละ 7.1 และเวียดนามร้อยละ 6.2 กลุ่มประเทศที่เป็นที่จับตามองในปัจจุบัน คือ MTV (เมียนมา ไทย และเวียดนาม) นอกจากนี้ มองไปข้างหน้าเห็นโอกาสที่น่าตื่นเต้น เห็นว่ายังมีโอกาสจากการเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจของโลกผ่านโครงการสำคัญ เช่น Belt Road Initiative ของประเทศจีน และมีแผนการลงทุนเพิ่มในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ เมียนมา เวียดนาม กัมพูชาและลาว ซึ่งประชากรรวมกันมากกว่า 200-300 ล้านคน โดยจะใช้เงินขยายมากกว่า 7,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า “ นายฐาปน กล่าว.-สำนักข่าวไทย