ประเดิมวันแรก ‘ผู้ป่วยรับยาร้านยา’ 35 รพ.300 ร้านยา

กทม.1 ต.ค.-ประเดิมวันแรก โครงการ “ผู้ป่วยรับยาร้านยา” 35 โรงพยาบาล 300 ร้านยาทั่วประเทศพร้อมให้บริการผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด และจิตเวชเรื้อรัง รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นที่ไม่ซับซ้อน ลดความแออัดในโรงพยาบาล เพิ่มความสะดวกผู้ป่วยไม่ต้องรอคิวนาน ด้าน สธ. สปสช. ร่วมติดตามประเมินโครงการฯ ต่อเนื่อง  


นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช.ได้รับมอบนโยบายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยร้านยา ขย.1 เพื่อให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน ในการประชุมบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 ได้ประสานดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สภาเภสัชกรรม และสมาคมเภสัชกรรมชุมชนแห่งประเทศไทยในการเตรียมความพร้อม ทั้งในส่วนของโรงพยาบาล ร้านยา และระบบต่างๆ เพื่อรองรับ โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นวันแรกของการดำเนิน “โครงการลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยร้านยา ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” พร้อมกันทั่วประเทศ มีโรงพยาบาล จำนวน 35 แห่ง และร้านยา จำนวน 300 แห่ง ที่เริ่มต้นระบบผู้ป่วยรับยาร้านยาและพร้อมให้บริการในวันนี้


สำหรับบรรยากาศวันแรกของการเริ่มต้นโครงการฯ เพื่อให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยานั้น ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาแต่ละเขตพื้นที่ได้รายงานความพร้อมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีการเปิดตัวโครงการในพื้นที่ โดย สปสช.ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขมอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้ง 13 เขต ลงพื้นที่ตรวจดูความพร้อมทั้งในส่วนของโรงพยาบาลและร้านยาที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงระบบต่างๆ หากพบปัญหาและอุปสรรคจะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ระบบสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นและสร้างความั่นใจให้กับผู้ป่วย 

พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมกันประชาสัมพันธ์โครงการฯ เพื่อให้ผู้ป่วยรับทราบและเข้าร่วมโครงการ นอกจากช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความสะดวกในการรับยาให้กับผู้ป่วย ไม่ต้องรอคอยคิวรับยาที่โรงพยาบาล และเพิ่มคุณภาพบริการ ทำให้ผู้ป่วยได้รับคำปรึกษาด้านยา ใช้ยาอย่างเหมาะสม โดยได้มีผู้ป่วยและประชาชนส่วนหนึ่งให้ความสนใจและสอบถาม


นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวต่อไปว่า ผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) 4 กลุ่มโรค เบาหวาน ความดันโลหิตสูง จิตเวชเรื้อรัง และโรคเรื้อรังอื่นที่ไม่ซับซ้อน สามารถเข้าร่วมโครงการได้ตามขั้นตอนดังนี้ 1.พบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อประเมินการรับยาที่ร้านยา 2.ลงทะเบียนรับยาที่ร้านยาโดยกรอกแบบฟอร์มแสดงความยินยอมและเลือกร้านยาที่เข้าร่วมโครงการกับโรงพยาบาล 3.รับใบนัดหรือใบสั่งยาจากโรงพยาบาล และ 4.รับยาได้ที่ร้านยาตามที่เลือกไว้ โดยแสดงบัตรประชาชนและใบนัดหรือใบสั่งยา ในกรณีที่มอบอำนาจให้รับยาแทนจะต้องแจ้งที่โรงพยาบาลไว้ก่อน และการรับยาต้องแสดงบัตรประชาชนตัวจริงของผู้ป่วย บัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ และใบนัดหรือใบสั่งยาของผู้ป่วย 

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลและร้านยาที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ สปสช.https://www.nhso.go.th/FrontEnd/page-contentdetail.aspx?CatID=MTI4OA== หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการฯ และสายด่วน สปสช.1330 .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” คดี “แบงค์ เลสเตอร์”

ผบช.ภ.2 เผยคดี “แบงค์ เลสเตอร์” แจ้งข้อหา “เอ็ม” กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มอบตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คุมฝากขังค้านประกันตัว

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย