ดีเอสไอยอมรับมีจดหมายแฉพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องสงสัยฆ่า ‘บิลลี่’

กระทรวงยุติธรรม 30 ก.ย.-ดีเอสไอ ยอมรับมีจดหมายแฉพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องสงสัยคดี ‘บิลลี่’ เตรียมแถลงคืบหน้าดคี 7 ต.ค.นี้ ทนายครอบครัวเร่ง ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้ดีเอสไอสอบ ขณะที่ชาวบ้านเตือน ‘มึนอ’  ต่อสู้กับ สิ่งไม่ธรรมดา เจ้าตัวไม่ท้อ ลั่นคนผิดต้องไม่ใช่แพะ 


บ่ายวันนี้ (30ก.ย.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้พบและหารือกับ น.ส.พิณนภา พฤกษพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของนายบิลลี่ แม่ของบิลลี่ และทนายความของครอบครัวบิลลี่ ซึ่งเดินทางมารับมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรม จากการเสียชีวิตของนายบิลลี่  โดยอธิบดีดีเอสไอได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบและความเป็นอยู่ของครอบครัว รวมทั้งให้ความมั่นใจในคลี่คลายคดีและการดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัว


พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ กะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย ว่า ที่ผ่านมามีผู้แจ้งเบาะแสจากในพื้นที่เกี่ยวกับคดีเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอที่อยู่ในพื้นที่ก็กำลังสอบสวนอยู่ด้วยเช่นกัน พนักงานสอบสวนทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้คดีมีความชัดเจน ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ75 โดยจะแถลงความคืบหน้าคดีอีกครั้งในวันที่ 7 ต.ค.นี้ 


ส่วนที่มีหลักฐานเป็นจดหมายเขียนด้วยลายมืออธิบายเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยในลักษณะเป็นซุ้มมือปืนนั้น ยอมรับว่ามีหลักฐานดังกล่าว แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะเป็นข้อต่อสู้ในสำนวน สำหรับการดูแลความปลอดภัยให้กับ น.ส.พิณนภา พฤกษพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของนายบิลลี่ ดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอด เพราะ น.ส.พิณนภาอยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ ซึ่งในโอกาสที่ได้เจอกันในวันนี้ก็ได้สอบถามถึงสารทุกข์สุกดิบและความเป็นอยู่ทราบว่าขณะนี้ครอบครัวไม่มีอะไรน่ากังวล แต่หากต้องการความช่วยเหลือก็สามารถติดต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทันที 

ด้าน น.ส.พิณนภา กล่าวว่า ตั้งแต่ครอบครัวเริ่มตามหานายบิลลี่ก็รู้สึกท้อ เพราะเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่สามารถส่งเสียงให้ดังออกไปข้างนอกได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ  เพราะไม่ใช่คนไทย แต่ขอขอบคุณดีเอสไอที่ช่วยสอบสวนคดีจนทราบว่านายบิลลี่ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งครอบครัวยังติดใจมูลเหตุจูงใจที่ทำให้นายบิลลี่เสียชีวิต อยากรู้ว่านายบิลลี่ไปทำอะไรให้ถึงต้องฆ่า  

ทั้งนี้ ขณะนี้ไม่มีสิ่งบอกเหตุถึงความไม่ปลอดภัย เพราะในพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคุ้มครองความปลอดภัยให้ แต่ยอมรับว่ามีความรู้สึกหวั่นไหวบ้าง และชาวบ้านในพื้นที่ได้เตือนว่าสิ่งที่กำลังต่อสู้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เป็นเรื่องใหญ่ที่อาจนำอันตรายมาถึงตัวเองและครอบครัว ทำให้บางครั้งรู้สึกกลัว แต่ไม่ท้อ ในตอนนี้สิ่งที่ต้องการคืออยากให้คดีจบเร็วๆ เพื่อให้ได้คำตอบว่าใครฆ่านายบิลลี่ ฆ่าทำไม และผู้ที่ถูกดำเนินคดีต้องไม่ใช่แพะ

ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประสานมูลนิธิประสานวัฒนธรรม ในฐานะทีมกฎหมายคดีชาวบ้านแก่งกระจาน ทนายของครอบครัวนายบิลลี่ กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่รัฐยอมรับว่านายบิลลี่เสียชีวิต โดยภายหลังดีเอสไอออกมารับรองการเสียชีวิตของนายบิลลี่แล้ว ทำให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาแสดงให้เห็นว่านายบิลลี่เป็นเหยื่อที่เสียชีวิตจากการกระทำความผิดของผู้อื่น ซึ่งการรับรองของดีเอสไอและกรมคุ้มครองสิทธิฯ จะทำให้ครอบครัวสามารถไปออกใบมรณบัตรเพื่อเป็นหลักฐานในการรับสิทธิอื่นตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากนายบิลลี่เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และยังทำประกันชีวิตไว้ด้วย

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงความล่าช้าในการทำคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ว่าในส่วนของคดีเบื้องต้นทราบว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ส่งสำนวนคดีความผิดตามมาตรา 157 กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไม่นำตัวนายบิลลี่ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเก็บของป่าให้ป.ป.ช.แล้วตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ป.ป.ช.ก็ยังไม่ส่งสำนวนคดีมาให้ดีเอสไอสอบสวน จึงอยากให้ป.ป.ช.เร่งส่งสำนวนมาให้ดีเอสไอโดยเร็ว เพื่อให้ดีเอสไอออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบิลลี่ นอกจากนี้ อยากให้ป.ป.ท.เร่งสอบสวนคดีการเผาบ้านของปู่คออี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย