คลังยันไม่หักเงินแอปเป๋าตังชำระหนี้เดิม

กรุงเทพฯ 30 ก.ย. – คลังเผยยอดใช้จ่ายชิมช้อปใช้สัปดาห์แรกคึกคัก ยืนยันลูกหนี้กรุงไทย สินเชื่อทุกประเภทไม่ถูกหักเงินจาก 1 พันบาท เพื่อชำระหนี้เดิม  


นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า กรณีการแชร์ข้อมูลตามโซเชียล ระบุเงื่อนไขข้อตกลงและเงื่อนไข “ยินยอมให้ธนาคารมีสิทธิ์หักเงินจากบัญชีเงินฝากทั้งหมดทุกประเภทและทุกวงเงินผู้ขอใช้บริการที่มีอยู่ในธนาคาร เพื่อนำมาชำระหนี้ โดยธนาคารไม่ต้องแจ้งขอความยินยอมล่วงหน้าจากผู้ขอใช้บริการ” ข้อความดังกล่าวเป็นการเขียนสัญญาพื้นฐานของการทำสัญญาทุกประเภท รวมทั้งแอป “ชิมช้อปใช้” ซึ่งเปิดให้ประชาชนสมัครเข้าร่วมโครงการ แต่การร่วมโครงการดังกล่าวเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์และเป็นโครงการของรัฐส่งเสริมสังคมไร้เงินสด เพื่อใช้จ่ายเงินกระจายออกไปทั่วประเทศ จึงไม่เข้าข่ายการหักเงินจากแอป “เป๋าตังค์” จากประชาชนสำหรับผู้เป็นลูกหนี้เดิม ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)

ส่วนบรรยากาศการออกเดินทางไปใช้จ่ายในต่างจังหวัดท้ายสัปดาห์ของผู้ลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” ในช่วงแรกพบว่าประชาชนสนใจออกไปใช้สิทธิ์ เพื่อใช้เงิน 1,000 บาทจำนวนมาก นับว่าเป็นสัญญาณดีในการกระจายเงินเข้าสู่ระบบ ซึ่งตรงตามเจตนารมย์ของทางรัฐบาลที่ต้องการเน้นให้ประชาชนออกไปใช้จ่ายตามแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมืองรอง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน


ด้านนายยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม และซีอีโอ ITAX กล่าวถึงกรณีที่โลกโซเชี่ยลแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับข้อตกลงและเงื่อนไขของแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ว่า เป็นข้อตกลงมาตรฐานที่ใช้กับแอปพลิเคชั่นกรุงไทย NEXT ซึ่งการหักเงินจากบัญชีเงินฝากของธนาคารนั้น หากมองในแง่กฎหมาย คือ จะหักเงินเฉพาะค่าบริการที่มีค่าธรรมเนียม เช่น ค่า SMS หรือโอนทางไกล เป็นต้น ซึ่งในส่วนของโครงการชิมช้อปใช้มองว่าไม่น่ากังวล เพราะน่าจะเป็นบริการที่ไม่มีค่าธรรมเนียม จึงไม่มีการหักเงินแต่อย่างใด ส่วนประเด็นเงินกู้และหนี้จากบัตรเครดิตนั้น มองว่าไม่น่าเกี่ยวกับการหักค่าธรรมเนียมดังกล่าว

สำหรับประเด็นที่โลกโซเชี่ยลกำลังถกเถียงเรื่องที่รัฐบาลจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้สิทธิ์ 1,000 บาทนั้น นายยุทธนา กล่าวว่า ในความเป็นจริงแล้วเลขบัตรประชาชน 13 หลักภาครัฐเป็นผู้ออกให้ ดังนั้น จึงมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงยังมีหน้าที่เรียกตรวจสอบได้อยู่แล้ว โดยกรมสรรพากรสามารถทำเรื่องให้ธนาคารพาณิชย์ส่งข้อมูลเพื่อเรียกตรวจสอบทรัพย์สิน หนี้สิน รวมถึงภาษีที่ค้างจ่ายได้อยู่แล้วเป็นปกติ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง