คมนาคมสั่งเจ้าท่าฯ ระดมความช่วยเหลือชาวอุบลฯ 2 ฝั่งแม่น้ำมูล

จ.อุบลราชธานี 16 ก.ย. – กระทรวงคมนาคมและกรมเจ้าท่าเร่งระดมความช่วยเหลือนำสิ่งของยังชีพมอบประชาชน 2 ริมฝั่งแม่น้ำมูลจังหวัดอุบลราชธานี  พร้อมเตรียมงบ 100 ล้านบาทฟื้นฟู ตลิ่ง ขุดลอกร่องน้ำป้องกันปัญหาระยะยาว



นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ห่มม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า นางสาวณัฐธ์ภัสส์  ยงใจยุทธ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม ลงพื้นที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี นำอาหารสิ่งของยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยชุมชน 2 ฝั่งริมแม่น้ำมูลซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยหนัก โดยกรมเจ้าท่าร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี เร่งแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือด่วนพบว่าประชาชนจำนวนมากยังมีสภาพบ้านเรือนถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร โดยจำนวนไม่น้อยต้องมาอาศัยตามเต็นท์ริมถนน และส่วนหนึ่งโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ยังไม่ย้ายออกจากบ้าน แม้จะมีสภาพน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สิน 


นายอธิรัฐ กล่าวว่า ได้ขอให้กรมเจ้าท่าประสานงานกับหน่วยงานอื่นเร่งนำสิ่งของช่วยเหลือมอบแก่ประชาชนไปจนกว่าสภาวะน้ำท่วมจะคลี่คลาย ส่วนการฟื้นฟูนั้น ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งสำรวจ 2 ส่วน คือ ตลิ่งและท่าเรือ ริมฝั่งแม่น้ำที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและจำเป็นต้องเข้าบูรณะซ่อมแซม ส่วนที่  2 คือ สภาพน้ำท่วมที่ส่งผลให้เกิดการตกตะกอนและจำเป็นต้องเร่งขุดลอกร่องน้ำใหม่ ก็ให้เร่งดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาระยะยาว โดยการสำรวจในส่วนหลังนี้ขอให้ดำเนินการทั่วประเทศไม่เฉพาะจังหวัดอุบลราชธานีเท่านั้น

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ทางกรมเจ้าท่าได้ประเมินความเสียหายและงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในการบูรณะจนถึงการขุดลอกร่องน้ำประมาณไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยต้องใช้ขุดลอกตะกอนและกำจัดสิ่งกีดขวางลำน้ำที่ไหลมากับกระแสน้ำ รวมถึงอาจต้องมีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังและซ่อมแซมเขื่อนป้องกันตลิ่งพังของกรมเจ้าท่าหลายพื้นที่


ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าเตรียมงบประมาณฟื้นฟูบำรุงรักษาทางน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือปี 2563 จำนวน 78.9493 ล้านบาท เพื่อขุดลอกบำรุงรักษาทางน้ำ 22 แห่ง ระยะทาง 170 กิโลเมตร ปริมาณวัสดุที่ต้องขุดลอก 2.542 ล้านลูกบาศก์เมตร และก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง 2 โครงการเป็นงบผูกพันปี 2563 – 2564 รวมเป็นเงิน 76 ล้านบาท เมื่อเกิดอุทกภัยและทำให้ลำน้ำหลายสายได้รับผลกระทบรวมถึงมีซากต้นไม้และสิ่งของต่าง ๆ ที่ไหลมากับกระแสน้ำไหลลงสู่ลำน้ำ ทางกรมเจ้าท่าจะปรับแผนดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาในโอกาสแรกก่อนและจะเสนอของบประมาณเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป รวมทั้งจัดทำแผนการขุดลอกลำคลอง แม่น้ำ เพื่อเตรียมพร้อมภัยแล้งต่อ โดยกรมเจ้าท่ามีแผนแม่บทด้านการจัดการน้ำท่วมและอุทภัยภายใต้เป้าหมาย/ตัวชี้วัดแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (เป้าหมายปี 61-80) ตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การกำกับของสำนักงานทรัพยากรแห่งชาติ โดยปี 2564 ตามแผนแม่บทจะต้องปรับปรุงลำน้ำธรรมชาติที่ตื้นเขินให้สามารถระบายน้ำได้มีประสิทธิภาพ  58 แห่ง ระยะทาง 902 กิโลเมตร ปริมาณวัสดุที่ต้องขุดลอก 29 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งสำรวจออกแบบพื้นที่เป้าหมายที่ต้องปรับปรุงลำน้ำ ระยะทาง 800 กิโลเมตร ตลอดจนศึกษาและทบทวนผลการศึกษาลุ่มน้ำสายหลักตามแผนแม่บทให้เป็นปัจจุบันตลอดเวลา งบประมาณภาพรวมทั้งประเทศ 2,113.460 ล้านบาท และงบประมาณในภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 600 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากได้รับงบประมาณตามแผนแม่บทที่วางไว้จะสามารถปรับปรุงลำน้ำธรรมชาติที่ตื้นเขินให้สามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อมโยงเครือข่ายลุ่มน้ำ ทั้งในและนอกเขตชลประทาน ซึ่งเป็นการป้องกันและช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นและยังเป็นการรักษาสภาพลำน้ำให้คงสภาพตามธรรมชาติ สนับสนุนองค์กรลุ่มน้ำ ตลอดจนเพิ่มพื้นที่แก้มลิงกักเก็บน้ำธรรมชาติในลำน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งต่อไปได้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]

จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้า รอนายกฯ แถลงหลังศาลอ่านคำวินิจฉัย

ทำเนียบ 28 ส.ค.-จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้ารอ “แพทองธาร” นายกฯ แถลง หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบทีมทนายความ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีคลิปเสียงสนทนา “สมเด็จฮุน เซน” ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 14.00 น. เพื่อติดตามรับชมการถ่ายทอดสดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า และจัดเตรียมห้องสีม่วง สำหรับรัฐมนตรีที่มาให้กำลังใจ ร่วมรับฟังคำวินิจฉัยไปพร้อมกัน ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการอ่านคำวินิจฉัย นายกฯ จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน บริเวณโถงกลาง ภายในตึกไทยคู่ฟ้า และจะเดินทางกลับออกไปในทันที โดยคาดว่าจะไม่เปิดให้สื่อมวลชนได้ซักถาม ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากทำเนียบฯ ต้องจับตาว่า น.ส.แพทองธาร จะเดินทางไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อพบกับสมาชิก สส. และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือไม่ เพราะสมาชิก […]