บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ คงเป้าหุ้นไทยปีนี้ 1,785 จุด

ตลท. 10 ก.ย. – บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ คงเป้าหุ้นไทยปีนี้ 1,785 จุด มั่นใจเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย ผลบวกจากนโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และการใช้ QE 


นายประกิต สิริวัฒนเกตุ  ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า ยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,785 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่ธนาคารกลางหลัก ๆ ของโลกเร่งใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย ทั้งการลดดอกเบี้ย การออกใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งไทย 

นอกจากนี้ การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ ญี่ปุ่น เยอรมนี อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์จะทำให้เกิดการใช้งบประมาณขาดดุล เร่งการกู้ด้วยการออกพันธบัตร ทำให้เกิดนโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ขณะเดียวกันมองว่ากระแสเงินที่ไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ผ่านมามีมากเกินไป จนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรติดลบ ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง จะอยู่อีกไม่นาน เมื่อโลกปรับตัวได้กับเรื่องสงครามการค้า และผ่อนคลายกับปัจจัยลบกระแสเงินจะตีกลับเร็วเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น 


ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทย คาดว่าจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 3 แม้ครึ่งปีแรกจะโตต่ำกว่าที่คาด แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเดือนกรกฎาคม จากการบริโภคภาคเอกชนที่ดีขึ้น การลงทุนเริ่มดีขึ้น คาดว่าจะดีต่อเนื่องจากมาตรการสนับสนุนการลงทุน “ไทยแลนด์พลัส” และการจัดทำงบประมาณขาดดุลปี 2563 วงเงิน 469,000 ล้านล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ คือ กลุ่มพลังงาน มาจากการฟื้นตัวของผลประกอบการกลุ่มต้นน้ำ คือ PTT PTTEP  กลุ่มโรงกลั่นที่ได้ประโยชน์การเริ่มบังคับใช้มาตรการ IMO 2020 (โดยกำหนดให้เรือทุกลำในโลกต้องเปลี่ยนเชื้อเพลิงที่ใช้อยู่ไม่ให้มีการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์เกินร้อยละ 0.5 จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.5) คือ TOP กลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสูงสุด คือ GPSC กลุ่มสื่อสาร คือ ADVANC TRUE INTUCH กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ คือ SAWAD MTC กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล คือ CPALL BJC RS กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต คือ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม WHA AMATA ROJNA กลุ่มท่องเที่ยว และโรงแรม คือ MINT CENTEL .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง