อสมท 6 ก.ย.- รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ อสมท คงการผลิตข่าวที่มีคุณภาพและความถูกต้อง โดยเฉพาะในยุคดิจิทัล ต้องทำให้ข่าวถูกต้อง เพราะข่าวเป็นสินค้าสำคัญที่จะนำพาสู่ความสำเร็จ พร้อมฝาก 5 แนวคิดในการทำงาน
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เดินทางมามอบนโยบายการทำงานแก่ผู้บริหาร รวมทั้งเยี่ยมชมการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ภายใน อสมท ทั้งห้องออกอากาศของสำนักข่าวไทย สำนักโทรทัศน์ และสำนักวิทยุ พร้อมกับร่วมจัดรายการวิทยุกับนักจัดรายการสถานี FM 100.5 ด้วย
นายเทวัญ กล่าวย้ำให้ อสมท คงการผลิตงานข่าวคุณภาพ แม้ว่าบริษัทจะต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติธุรกิจสื่อ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล แม้ธุรกิจจะขาดทุน ทางแก้ของธุรกิจอื่น คือ ลดต้นทุนสินค้า ลดจำนวนการผลิตได้ แต่ อสมท ไม่สามารถลดการผลิตข่าว ลดความถูกต้อง หรือลดคุณภาพข่าวได้ ยุคนี้ยิ่งต้องทำให้ข่าวถูกต้อง ยิ่งต้องทำให้ข่าวดีขึ้น สินค้าสำคัญที่สุดของ อสมท คือข่าว
นายเทวัญ กล่าวยืนยันว่า พร้อมให้ความร่วมมือและพร้อมเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่างๆของ อสมท พร้อมฝากความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานของ อสมท ไว้ 5 ข้อ คือ
1.ต้องสร้างความตระหนัก เรียนรู้ ปลูกฝังให้ประชาชนเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชกรณียกิจที่ถูกต้อง
2.การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลมีโครงการใหญ่ๆ จำนวนมาก ทั้งอีอีซี รถไฟความเร็วสูงเฟสแรก กทม.-โคราช การขยายท่าเรือ รถไฟทางคู่ทุกภูมิภาค โครงการมอเตอร์เวย์ โครงการพัฒนาชายฝั่งภาคใต้ด้านการท่องเที่ยว หากวันนี้ อสมท สามารถนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการลงทุนของรัฐบาลให้กับทั้งในและต่างประเทศได้เห็นภาพโครงการต่างๆ ก็จะเกิดความเชื่อมั่นกับนักลงทุน ทำให้นักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทยเยอะ การท่องเที่ยวก็จะขยายตัว ดังนั้น การนำเสนอข่าวโครงการต่างๆ ที่กล่าวไป จึงจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ข่าวเฟคนิวส์มักจะปรากฏในโลกโซเชียลมีเดียจำนวนมาก หาก อสมท ช่วยชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวไม่ใช่ข่าวจริง ก็จะทำให้ประชาชนเข้าใจถึงข่าวต่างๆ ได้ดี รวมถึงการเป็นศูนย์กลางในการชี้แจงแถลงไขข่าว fake news ในโลกออนไลน์ ให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องกับสังคม
3.ในยุคเทคโนโลยี อยากให้ อสมท พยายามปรับตัวอย่างเต็มที่ นำเทคโน โลยีใหม่ๆ มาใช้ปรับโครงสร้าง กลยุทธ์ด้านการตลาดให้เหมาะสม
4.จากการติดตามรายงานผลประกอบการของ อสมท นับตั้งแต่ปี 2560 ขาดทุนกว่า 2,811 ล้านบาท ต่อมาปี 2561 ขาดทุนอีก 325 ล้านบาท และปี 2562 คาดการณ์ว่ามีกำไร หรืออาจขาดทุนไม่มาก ก็ขอชมเชยผู้บริหารที่ทำให้ผลการขาดทุนลดลงเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับว่า ปี 2563 รายได้จากธุรกิจหลักของ อสมท อย่างสัมปทานที่จะสิ้นสุด แสดงว่ารายได้จะหายไปในปี 2563 หลายร้อยล้านบาท และในปี 2565 ยังมีธุรกิจวิทยุที่จะหมดใบอนุญาต และบริการโครงข่ายกระจายเสียงในระบบดิจิทัลก็มีลูกค้าน้อยลง รายได้จากโฆษณาก็ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ จึงอยากให้ผู้บริหารช่วยมองหารายได้จากแนวทางการนำเสนอใหม่ๆ ทดแทน ซึ่งอาจมาจากรากฐานธุรกิจเดิม และหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ โดยอาศัยความมีประสบการณ์ของ อสมท ที่อยู่มาได้ 60 ปี ที่สำคัญสินทรัพย์ของ อสมท ต้องนำมาดูว่าจะขยายธุรกิจได้อย่างไร นอกจากการหารายได้ก็ต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นด้วย ผลกำไรก็ชนะขึ้น
5. อสมท ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่นให้สูง บริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ มีเครือข่ายธุรกิจใหม่ๆ พัฒนาบริหารเทคโนโลยีใหม่ๆ มาวางแผนพัฒนาบุคคล สิ่งสำคัญต้องมีหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใสในองค์กร
นายเทวัญ กล่าวด้วยว่า แม้ตอนนี้ อสมท อาจจะยังมีปัญหาอยู่ แต่วันนี้ตนต้องการเข้ามาร่วมมือกันแก้ปัญหาให้เป็นองค์กรที่มีกำไร และความสามัคคีในองค์กรจะทำให้บริษัทนี้ผ่านอุปสรรคและปัญหา ทำให้องค์กรนี้มีกำไรได้ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย