กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กฟผ.ยืนยันนโยบายรัฐให้ กฟผ.นำเข้าแอลเอ็นจี 1.5 ล้านตัน ไร้ปัญหา Take or Pay ต้นทุนต่ำ เชื่อมั่นส่งผลดีค่าไฟฟ้าถูกลงระยะยาว
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.มั่นในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ของ กฟผ.จะไม่ทำให้เกิดปัญหาค่าปรับตามสัญญาไม่ใช้ก็ต้องจ่าย หรือ Take or Pay เนื่องจาก กฟผ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดค่า Take or Pay โดยสัญญาซื้อขายแอลเอ็นจีของ กฟผ.มีความยืดหยุ่นสามารถปรับลดปริมาณการนำเข้า โดยกำหนดปริมาณไว้ระหว่าง 0.8 -1.5 ล้านตันต่อปี อีกทั้ง กฟผ.ได้เจรจากับบริษัทคู่สัญญาให้ดำเนินการขายแอลเอ็นจีส่วนที่ไม่ได้ใช้ให้กับรายอื่นแทน กฟผ. ต่อไป
“กฟผ.ดำเนินการตามนโยบายของรัฐ เพื่อส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศ และเล็งเห็นถึงโอกาสในการเลือกซื้อแอลเอ็นจีราคาต่ำสุด ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากใช้ไฟฟ้าราคาถูกลงในอนาคต” นายพัฒนา กล่าว
ทั้งนี้ การเตรียมแผนนำเข้าแอลเอ็นจีของ กฟผ.ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติจากรัฐบาล หลังจากเปิดประมูลและได้ผู้ชนะประมูลแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ทางกระทรวงพลังงานจึงขอดูรายละเอียดให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้กระทบต้นทุนค่าไฟฟ้า และแผนงานไทยเป็นศูนย์กลางพลังงาน โดยแผน การนำเข้าแอลเอ็นจีของ กฟผ.นั้น เป็นการดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 เพื่อส่งเสริมการแข่งขันกิจการก๊าซธรรมชาติในการเปิดเสรีแก่บุคคลที่สาม โดยมอบหมายให้ กฟผ.นำร่องเป็นผู้จัดหาและนำเข้าแอลเอ็นจีไม่เกิน 1.5 ล้านตันต่อปี
นายพัฒนา กล่าวว่า กฟผ.ดำเนินการเปิดประมูลจัดหาและนำเข้าก๊าซธรรมชาติตามขั้นตอนอย่างเปิดเผยและโปร่งใส โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุกรายทั้งในประเทศและต่างประเทศแข่งขันเสนอราคา จนกระทั่งได้ผู้เสนอราคาแอลเอ็นจีที่มีราคาถูกกว่าราคาต่ำสุดของสัญญาจัดหาระยะยาวของประเทศในปัจจุบัน และหากนำไปเฉลี่ยรวมกับก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยและเมียนมาจะมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับแอลเอ็นจีที่ใช้อยู่ในระบบปัจจุบัน โดยจะนำไปใช้ในโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของ กฟผ. เพื่อไม่ให้เกิดภาระต้นทุนการผลิตไฟฟ้า. -สำนักข่าวไทย