วิจารณ์ “พระ-เณร” แข่งอีสปอร์ตไม่ผิด แต่ไม่เหมาะสม

หนองคาย 23 ส.ค.- จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมสัปดาห์วิชาการ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย ซึ่งเป็นภาพการมอบรางวัลชนะเลิศให้กับสามเณร 4 รูปที่ชนะการแข่งขันอีสปอร์ต ทำให้โลกออนไลน์เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่า เป็นการกระทำธรรมวินัยหรือไม่


เรื่องนี้ ผศ.ดร.นงราม เหมือนฤทธิ์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย บอกว่า มหาวิทยาลัย ขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย ได้จัดกิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 15-18 ส.ค.62 วัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้เพื่อบริการงานด้านวิชาการทั้งด้านวิทยาศาสตร์และแขนงต่างๆ ที่วิทยาเขตหนองคายได้เปิดสอน โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้เข้าร่วมการแข่งขันด้านวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้ง Soft Skill ซึ่งไม่เน้นหนักทั้งวิชาการหรือวิทยาศาสตร์เสียทีเดียว ให้เด็กได้แสดงความสามารถที่เด็กชอบออกมา


กิจกรรมมีหลากหลายทั้งการประกวดแข่งขันทักษะวิชาการ และการกีฬา ฟุตซอล, อีสปอร์ต รวม 29 กิจกรรม ซึ่งการที่มีการจัดแข่งอีสปอร์ต เพราะวิทยาเขตมีสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ดังนั้น อีสปอร์ตจึงเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่สาขาคอมพิวเตอร์ฯ ต้องเข้ามามีบทบาท โดยมีคณะกรรมการคัดเลือกคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการแข่งขันก่อน จะประกาศให้ทราบว่าโรงเรียนใดมีคุณสมบัติเข้าร่วมได้ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา หรือเทียบเท่า โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรมก็เทียบเท่าโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป ซึ่งหลักเกณฑ์จะเป็นทางโรงเรียนเป็นผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรม ไม่ใช่ตัวนักเรียนสมัครเอง

สำหรับการแข่งขันอีสปอร์ตมี 2 รายการ คือ ROV และ Speed Drifters ซึ่งสามเณรที่ชนะเลิศ ไม่ใช่จากการแข่งขัน ROV แต่เป็น Speed Drifters แต่คนทำป้ายด้านหลังเวที ทำระบุไว้เฉพาะ ROV ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่า เป็นรางวัลชนะการแข่งขัน ROV โดย ROV มีทีมเข้าร่วมแข่ง 40 ทีม มีสามเณรแข่งด้วย แต่ไม่ได้รางวัล ส่วน Speed Drifters มีสามเณรทีมเดียวเข้าแข่ง และได้รางวัลชนะเลิศไป


ทางมหาวิทยาลัยเห็นว่าทุกคนเป็นเด็กนักเรียน ไม่ว่าเป็นนักเรียนธรรมดา หรือนักเรียนสามเณร บาลีศึกษา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก็ถือเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา ที่มีแผนการเรียนเหมือนโรงเรียนมัธยมทั่วไป ที่ต้องการพัฒนาทักษะการเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการ และมีครูโรงเรียนส่งเข้าร่วมแข่งขันตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นงราม เหมือนฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของสามเณร ทางวิทยาเขตได้สอบถามไปยังกรมการศาสนาแล้ว และได้คำตอบว่า กิจกรรมนี้เป็นการแข่งขันทักษะทางคอมพิวเตอร์ จึงไม่ถือว่าเป็นการแข่งขันที่ผิดวินัยแต่อย่างใด

พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ แห่งวัดสร้อยทอง กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะจริงอยู่ที่แม้ว่าในศีลที่เณรต้องนับถือ 10 ข้ออาจจะไม่มีการระบุชัดว่า ห้ามเล่นเกม เพราะในศีลข้อ 7 ที่อาจจะใกล้เคียงสุด คือ เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการเล่นที่เป็นข้าศึก 

เรื่องนี้ในมุมมองของตน หรือจะไปถามพระผู่ใหญ่หลายๆท่าน เชื่อว่า คงจะไม่ฟันธงว่า ผิด แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่เหมาะสมแน่นอน แม้ทางผู้จัดจะระบุว่าเป็นการส่งเสริมทักษะด้านไอที แต่การเรียนวิชาการทางโลกไม่ได้หมายถึงว่า ต้องเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างที่เด็กนักเรียนข้างนอกเขาทำกันที่ไหนเล่า ไม่มีกฎห้ามก็จริง แต่มันก็ต้องคำนึงเรื่องสถานะภาพด้วย 

พูดให้ชัดคือต้องแยกกันให้ชัด ไม่ได้กำลังบอกว่า พระเณรใช้เครื่องมือไอทีเพื่อการศึกษาไม่ได้ แต่เรากำลังตั้งคำถามว่า การใช้เครื่องมือไอทีของพระเณรควรอยู่ในขอบเขตไหนหรือเป็นไปเพื่อประโยชน์อะไรต่างหาก พูดให้ชัดคือต้องแยกก่อนว่าไม่ได้กำลังบอกว่า พระเณรใช้เครื่องมือไอทีเพื่อการศึกษาไม่ได้ แต่กำลังตั้งคำถามว่า การใช้เครื่องมือไอทีของพระเณรควรอยู่ในขอบเขตไหนหรือเป็นไปเพื่อประโยชน์อะไรต่างหาก

ส่วนตัวเห็นว่าการศึกษาเพื่อหาวิชาความรู้กับการแข่งขัน มันคนละเรื่องกัน เราต้องแยก พระเณรไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปแข่งขันหรือเอาชนะกับฆราวาส และโดยเฉพาะในกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งเลยเถิด ถ้าเกมกีฬาเป็นสิ่งที่เหมาะกับพระเณร ต่อไปเราคงเห็นภาพของพระเณรลงสนามแข่งขันอย่างเป็นเรื่องปกติ สังคมอยากเห็นภาพแบบนั้นหรอ ความเป็นเลิศทางวิชาการ อยู่ที่ความรู้ความสามารถซึ่งพระเณรสามารถมีได้ไม่แพ้ฆราวาสนะ แต่ความเป็นเลิศที่ว่านี้ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการแข่งขันหรือเอาชนะ พระเณรไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปแข่งขันหรือเอาชนะกับฆราวาส และโดยเฉพาะในกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งเลยเถิด 

แค่นี้สังคมก็มีคำถามกับพระเณรมากพออยู่แล้ว หากปล่อยให้เรื่องนี้เกิดเพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ผิดกฎ และหากผู้มีอำนาจยังเพิกเฉยไม่แก้ไข จะยิ่งจะนำไปสู่วิกฤตศรัทธาได้ง่ายยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

Hun Sen in vdo call

“ฮุน เซน” ยืนยันไม่หนีออกจากกัมพูชา

พนมเปญ 24 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า ยังอยู่ในกัมพูชา หลังจากมีข่าวว่าเขาหนีออกนอกประเทศไปจีน นายฮุน เซน โพสต์เป็นภาษาเขมรในหน้าเฟซบุ๊กชื่อ Samdech Hun Sen of Cambodia ที่มีผู้ติดตาม 14 ล้านคน และไม่ได้ติดตามใคร เมื่อช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยอ้างว่า หนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งรายงานว่า เขาเดินทางออกจากกัมพูชาไปจีน เขาขอยืนยันว่า ขณะนี้กำลังประชุมทางวิดีโอกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารในทุกระดับ เพื่อสู้รบกับไทย เขาไม่ได้วิ่งหนี ดังนั้นขอให้เพื่อนร่วมชาติอย่าได้กังวล นายฮุน เซนโพสต์ว่า เขามาประชุมเรื่องนี้ตั้งแต่แม่ทัพภาค 2 ของไทยประกาศจะปิดทางเข้าปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับลงภาพตนเองขณะกำลังคุยโทรศัพท์และประชุมทางวิดีโอหลายภาพ.-814.-สำนักข่าวไทย

สมช.ประณามกัมพูชา ย้ำยังไม่ใช่ภาวะสงคราม

24 ก.ค. – สมช. ประณามการกระทำของกัมพูชา ใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาฝั่งไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ พร้อมย้ำขณะนี้เป็นเพียงการปะทะกัน ยังไม่ใช่ภาวะสงคราม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันนี้เป็นนัดพิเศษ และเป็นการประชุม ครม.ด้วย โดยได้รับรายงานการปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเป็นการยิงเข้ามาจากทางกัมพูชา และมีการใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 11 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 1 นาย และบาดเจ็บ 28 คน จึงขอประณามการกระทำของกัมพูชาที่ใช้กำลังโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ขณะที่อาวุธหนักบางลูกยิงเข้ามาที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างชายแดนเพียง 3 กิโลเมตร ถือเป็นการใช้กำลังโดยไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ยืนยันไม่ใช่ภาวะสงคราม เป็นเพียงการปะทะกันเท่านั้น และย้ำว่าไทยใช้สันติวิธี ไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง แต่เป็นการยั่วยุ จึงต้องป้องกันตนเองและประเทศชาติ ซึ่งไทยไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ทั้งนี้ ได้เตรียมการป้องกันและปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ โดยใช้มาตรการต่างๆ และอำนาจทางการทหารอย่างเหมาะสม ซึ่งหากฉุกเฉินทหารสามารถปฏิบัติการได้ทันที โดยให้ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ […]

ทบ.รายงานยอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เหตุปะทะชายแดนกัมพูชา

24 ก.ค.- “กองทัพบก” อัปเดตเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 9 ราย เป็นเด็ก 1 ราย เจ็บ 14 ราย พร้อมประณามกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด -สำนักข่าวไทย

วิกฤติหนัก เมืองน่านจมบาดาล ขยายวงกว้างเกือบ 10 กม.

น่าน 24 ก.ค. – น้ำท่วมตัวเมืองน่านยังวิกฤติหนัก หลังน้ำน่านยังเพิ่มสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 แล้วและขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ยังเร่งช่วยเหลือผู้คน รวมทั้งผู้ป่วยออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย