กทม.8ส.ค.-ผู้ว่าฯกทม.แจงที่มาค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสาย65 บาท ย้ำถูกที่สุดแล้ว โดยหากคำนวณอัตราค่าโดยสารตามระยะทางปกติจะทำให้คนเดินทางไกลต้องเสียแพงขึ้น เช่น จากสถานีเคหะ(สมุทรปราการ) ไปสถานีคูคต ระยะทางประมาณ 60 กม.ต้องจ่ายค่าโดยสารถึง150-160 บาท
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) โพสต์ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ผู้ว่าฯอัศวิน” ชี้แจงกรณีมีกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีค่ารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสูงสุดที่ 65 บาทเป็นราคาที่ไม่แพง จนนำมาสู่การพูดถึงในทางลบ โดยได้อธิบายการคำนวณค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวในราคาไม่เกิน 65 บาท ในตอนหนึ่งระบุว่า กทม.ได้กำหนดเพดานค่าโดยสารให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเงื่อนไขการเจรจาคือกำหนดเพดานค่าโดยสารตลอดสายอยู่ที่ 65 บาท (ไม่เสียค่าแรกเข้าเพิ่มในส่วนต่อขยาย)
สำหรับคำอธิบาย พล.ต.อ.อัศวิน ได้ชี้แจงไว้ดังนี้
“อะไร คือเพดานค่าโดยสาร 65 บาท หลังจากที่ กทม.ได้ทำการเปิดสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายในสถานีห้าแยกลาดพร้าว-สถานีคูคต ซึ่งเป็นการต่อขยายเส้นทางขนส่งสาธารณะให้ครอบคลุมเมืองมากขึ้น แต่ความครอบคลุม หรือ Coverage เพียงอย่างเดียวไม่พอที่จะสนุบสนุนให้ประชาชนใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพราะราคาก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญ
การเปิดสถานีใหม่นี้ หากคำนวณอัตราค่าโดยสารตามระยะทางปกติ อาจ จะทำให้ผู้ต้องเดินทางระยะไกลต้องเสียค่าโดยสารแพงขึ้น เช่นผู้ที่เดินทางจากสถานีเคหะ(สมุทรปราการ)ไปยังสถานีคูคต ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร จะต้องจ่ายค่าโดยสารประมาณ 150-160 บาท ซึ่งแน่นอนว่าราคานี้แพงเกินไปสำหรับการจ่ายค่าขนส่งสาธารณะในการเดินทางไปทำงานเป็นประจำทุกวัน เราจึงพยายามลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนด้วยการตั้งเพดานค่าโดยสารให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเงื่อนไขการเจรจาของเราคือกำหนดเพดานค่าโดยสารตลอดสายอยู่ที่ 65 บาท (ไม่เสียค่าแรกเข้าเพิ่มในส่วนต่อขยาย)
กรุงเทพมหานครตระหนักดีว่าการพัฒนาและส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองอย่างแท้จริงนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ Coverage ครอบคลุม, Connect เชื่อมโยง, และ Cost ราคาถูก ซึ่งผมยืนยันที่จะพยายามผลักดันต่อไปให้ถึงที่สุด เพื่อไขกุญแจสำคัญทั้ง 3 ดอกนี้ และทำให้รถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ กทม. เป็นระบบขนส่งสาธารณะที่ประชาชนทุกกลุ่มทุกวัยสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เพื่อสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครแห่งการขนส่งสาธารณะอย่างแท้จริง” .- สำนักข่าวไทย